ตำนานเทพปกรณัม ตอน มหากาพย์นิทานกอร์กอน
วันที่โพสต์: 14/10/2020

นางน้ำ๓พี่น้องกอร์กอน(กัญญ์กุล-ตระกูลหญิงสาว?!)เป็นหญิงรับใช้ในวิหารเทพีอธีน่า ทั้ง๓เป็นบุตรีของอสูรน้ำโฟร์เสิส(Phorcys-ประเสริฐ!?)กับอสุรีน้ำซีโท(Ceto-เจโต?/จิตรา!?)

 

กลุ่มกอร์กอน ประกอบด้วย

 

คนโต-สเธโน(Stheino-สุธินี?/สุทินา?/สุธนี?)

คนรอง-ยูริอาลี(Euryale-ยุรยาตร?)

คนเล็ก-เมดูซ่า(Medusa-มธุรสา?/เมธัสา?/เมธิสา?)

พวกนางเป็นแฝดสาม!

 

กลุ่มกอร์กอนมีพี่น้องคือ นางน้ำอีคิดเน่(Echidne-อชีรณา=ไม่แก่!?)และกลุ่มนางน้ำกราเอีย(Graeae-การุณยา/กุลยา/กันตยา)

 

กลุ่มกราเอีย ประกอบด้วย

 

คนโต-อนายโอ(Enyao-อนัญญา?/อนันตญา?)

คนรอง-เดโน(Deino-ธีรนาถ?/ธีรนา?/ธยานี?)

คนเล็ก-เพมฟรีโด(Pemphredo-เปรมปรีด์?/เปรมปรีดา?)

 

ทั้งหมดได้ชื่อกลุ่มว่า โฟร์สิส(Phorcid-ประสิทธิ์?!) เพราะเป็นทายาทของโฟร์เสิสผู้เคยเป็นจ้าวสมุทรมาก่อนโพไซดอน!(เราคาดว่าหลังจากโฟร์เสิสถูกยึดอำนาจเหล่าทายาทของโฟร์เสิสก็ถูกจับไปเป็นเชลยศึกเพื่อป้องกันโฟร์เสิสทำการกบฏ!) ทั้งๆที่พวกนางมีศักดิ์เป็นหลาน-เหลนของพระแม่ธรณีกาย่า/ไกอา(Gaia)!

 

อีคิดเน่ถูกกระทำเยี่ยงสัตว์ นางถูกสาปให้ท่อนล่างกลายเป็นงูลาย!และถูกบังคับให้จับคู่กับเจ้าพ่องูทายฟอน(Typhon)ให้กำเนิดทายาท(ลูกบางตนน่าจะเป็นแค่ลูกบุญธรรมที่ถูกบังคับให้เลี้ยง!)๕ตน ได้แก่

 

๑.ลาดอน(Ladon)-งู๑๐๐เศียร(บาตำราว่า๑๐๐ตา)(งูแฝด๑๐๐หัว?!)

๒.เคลเบรุส(Cerberus)-สุนัข๓เศียร(สุนัขแฝด๓หัวผู้อาภัพ?!)

๓.ไฮดรา(Hydra)-งูแฝด๙หัว(งูสเต็มเซลล์๙หัว?!)

๔.คิเมร่า(Chimera)-อสูรลูกผสม(สัตว์พิการตัดต่อพันธุกรรม?!)

๕.ออร์ธรุส(Orhtrus)-สุนัข๒เศียร(สุนัขแฝด๒หัว?!)

 

    กอร์กอนนั้นน่าจะถือเพศพรหมจรรย์ เพราะเป็นหญิงรับใช้ในวิหารอธีน่า แต่ด้วยความงามทำให้เหล่ากอร์กอนโดยเฉพาะเมดูซ่า ผู้ซึ่งมีผมสวยงามเป็นพิเศษกว่าพี่ทั้งสองนาง จนมีชายหนุ่มมาติดพันมากมาย แต่นางก็ไม่ปันใจให้ชายใด จนวันหนึ่งโพไซดอนจ้าวสมุทรผ่านมาพบเข้า และใช้กำลังข่มขืนนาง!(อาจสมยอมก็ได้?!) แต่ไม่เฉพาะเมดูซ่าเท่านั้น พี่อีก๒นางของเมดูซ่าก็น่าจะตกเป็นภรรยาลับโพไซดอนเช่นกัน! เราคาดว่าหลังจากได้เป็นภรรยาโพไซดอนแล้ว เมดูซ่าได้พยายามเทียบชั้นกับเทวีอธีน่าอย่างเงียบๆ(เพราะน่าจะเคยถูกจิกหัวใช้มานาน!) โดยการแอบนินทากับเหล่าพี่น้อง(กราเอียเลยโดนหางเลข)ว่า"ผมของเทวีอธีน่าจะงามเท่าผมเราไหมหนอ?"แต่พวกกราเอีย(ซึ่งน่าจะเป็นนางพยากรณ์ในตำหนักอธีน่า)คงเอาไปพูดต่อจนรู้ถึงหูอธีน่า นางจึงกล่าวหาว่าเมดูซ่าก้าวร้าวอย่างให้อภัยไม่ได้และใช้ข้ออ้างนี้สาปกอร์กอนทั้งหมด(รวมถึงกลุ่มกราเอียด้วย!) กลุ่มกอร์กอนถูกสาปให้ผมพันกันยุ่งเหยิงเพราะความเครียจนกลายเป็นรูปงู(ผมขยับได้คล้ายนางพญาผมขาว)และด้วยความงามของใบหน้า อธีน่าจึงสาปให้ใครก็ตามที่กล้าสบตาพวกนาง(ด้วยความเสน่ห์หา?)ขอให้มันผู้นั้นกลายเป็น(เสา)หิน(ปูน)! ซึ่งใกล้เคียงกับตำนานการกลายสภาพเป็นเสาเกลือ(Pillar of Salt)

 

    การกลายสภาพเป็นเสาเกลือ(Pillar of Salt)ในตำนานนี้ น่าจะเกิดจากการเร่งให้เกิดปฏิกิริยาของ“โปรตีนกลายพันธุ์”ผ่านทางการมองด้วยสายตาอย่างเฉียบพลันทันที โดยเริ่มจากการแยกเกลือและโปรตีนออกจากกันแล้วเร่งให้เกลือทำปฏิกิริยากับอวัยวะส่วนต่างๆในร่างกายและตกผลึกแปรสภาพเป็นไอเกลือจากภายในโดยเริ่มที่ดวงตาก่องจะลามไปทั้งตัวอย่างฉับพลันทันทีจนลุกลามออกสู่ร่างกายภายนอกทำให้ร่างกลายเป็นแร่ผลึกรู้จักกันว่า เกลือหิน หรือแฮไลต์(เครื่องแต่งกายไม่เป็นหินเพราะไม่ใช่ส่วนหนึ่งของร่างกายแต่ก็จะถูกกรดเกลือชนิดเข้มข้นกัดกร่อนย่อยสลายหายไปในไม่ช้า)จนร่างกายมีสภาพเป็นเสาแท่งเกลือรูปร่างคล้ายคน ซึ่งเป็นปรากฏการณ์จากบันทึกในพระคัมภีร์เกี่ยวกับนครแฝดโบราณที่ชื่อว่า โซดอม และ โกโมราห์(Sodom and Gomorrah) ที่กล่าวถึงปรากฏการณ์นี้ ในตอนที่อับราฮัมพาครอบครัวหนีออกจากเมืองว่า

 

"ทูตสวรรค์สั่งเตือนให้โรทและครอบครัวรีบหนีออกจากเมืองทันที่ และห้ามมิให้หันหลังกลับมามอง  เพราะความวิบัติจะบังเกิดกับเมืองนี้ ในขณะที่หนีออกจากเมืองนั้น พระเจ้านิมิตรให้ไฟตกมาจากฟ้าเผาผลาญทุกสิ่งทุกอย่าง ทุกชีวิตที่มัวเมาในตัณหาทางเพศโดนเผาไหม้ในพริบตา เสียงก้องของไฟและครวญครางของคนบาปทำให้ภรรยาของโรทเกิดความอยากรู้ เธอได้หันมาดู และทันทีทันใดนั้น ร่างกายเธอก็กลายเป็นเสาเกลือ"

 

ส่วนในกรณีของเหล่านางกอร์กอน น่าจะเป็นการสาปให้เมื่อผู้ใดสบตานาง ผู้นั้นจะ(ตาย)กลายเป็น(รูปปั้น)หิน(ปูน)ทันที โดยการเร่งให้เกิดปฏิกิริยา “โปรกลายพันธุ์”อย่างเฉียบพลัน(โปรกลายพันธุ์นี้ก็คือพิษของสัตว์ทั่วไป) เป็นการเร่งกระแสคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในร่างกายให้สังเคราะห์น้ำในส่วนต่างๆของร่างกายของคนที่สบตาเหล่ากอร์กอนให้ตกตะกอนกลายเป็นหินปูน(แบบเดียวกันกับการเกิดหินงอกหินย้อยในธรรมชาติ)โดยเริ่มจากดวงตาก่อนแล้วลุกลามไปทั้งร่าง ทั้งนี้การกลายเป็นหินปูนไม่นับรวมเสื้อผ้าและเครื่องประดับติดตัว(เหล่ากอร์กอนคือเหยื่อของการดัดแปลงพันธุกรรม!!!)

 

Pillar of SaltPillar of Salt

 

จากการสังเกตจะเห็นว่า การกลายสภาพเป็นเสาเกลือนั้น เกิดขึ้นจากการจ้องมองด้วยดวงตาคล้ายกับสิ่งที่เหล่ากอร์กอนทำได้มาก่อนเช่นกัน

 

    จากนั้นก็เนรเทศเหล่ากอร์กอนไปอยู่เกาะร้างที่ไม่มีใครรู้จักกลางทะเล(เกาะนี้น่าจะอยู่ในการปกครองของอธีน่าเพราะผู้มีฤทธิ์นั้นจะมีอำนาจในเขตที่ตนดูแลเท่านั้น!มียุคหนึ่งเหล่าเทพกรีกแย่งชิงกันเป็นเทพประจำเมืองมนุษย์อย่างเอาตาย น่าจะเป็นเพราะจะได้ควบคุมสาปแช่งให้พรคนในเมืองตนได้อย่างสะดวก)เพื่อให้ความเครียดถึงขีดสุด!(ตามเงื่อนไขคำสาป) แต่กอร์กอนนั้นมีความอดทนเกินคาดไม่ยอมเสียจริตง่ายๆ(อาจเครียดบ้างเวลาโพไซดอนมาหา) อธีน่าจึงต้องกระตุ้นคำสาป(ไม่กล้าฆ่ากอร์กอนเองเพราะเกรงใจโพไซดอน)โดยการส่งนักฆ่าขึ้นไปบนเกาะ! แต่ด้วยคำสาปที่ตัวเองให้กอร์กอนไว้ทำให้เหล่านักฆ่าที่สบตาหมู่นางกอร์กอน(จนใจละลาย)ทุกคนกลายเป็นหินไป!(เออ..มีประโยชน์เหมือนกันแฮะ!)

 

    บางตำราว่ากอร์กอน(หลังถูกสาป)กายท่อนล่างมีเกล็ดเหมือนปลา(กระโปรงชุดเกราะ?) ปีกทองเหลืองติดไหล่(เครื่องช่วยบินอย่างกินรีที่ถอดปีก/หางได้แบบมโนราห์?) มือทองเหลือง(กรงเล็บทองเหลืองสวมนิ้ว-อาวุธป้องกันตัว?) มีงายื่นออกจากปาก(หน้ากาก?) โพไซดอนอาจให้ไว้ป้องกันตัว หลังจากส่งนักฆ่าไปไม่สำเร็จ แผน๒ของอธีน่า คือ ให้นักฆ่าปลอมตัวเป็นชาวประมงทำทีว่า เรือแตก พายุพัดหลงมา ฯลฯ ขึ้นเกาะ คราวแรกๆนั้นกอร์กอนก็หลงเชื่อ! แต่ด้วยเครื่องป้องกันทำให้กอร์กอนปลอดภัย(และเหล่านักฆ่าก็เป็นหินไปตามระเบียบ) แต่ผลพลอยได้ที่อธีน่าต้องการก็สำเร็จ! นางทำให้กอร์กอนกลายเป็นโรคจิต หวาดระแวงคนแปลกหน้า การติดเกาะทำให้เหล่ากอร์กอนขาดน้ำ(ตามประสาคนติดเกาะ)และน้ำอาบก็ไม่มี(ผมคงรุงรังน่าดู) เมื่อเกิดโทสะร่างกายจะขาดน้ำและถ้าติดเกาะด้วย ความเครียดย่อมทับถมจนกลายเป็นความแค้น!คำสาปทำอะไรโพไซดอนไม่ได้ก็จริงแต่โพไซดอนก็แก้คำสาปไม่ได้เช่นกัน ทำให้กอร์กอนแค้นพวกเทพกรีกอย่างถึงที่สุดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ภายหลังเมื่อเหล่ากอร์กอนพบคนแปลกหน้าบนเกาะ พวกนางก็แยกไม่ออกว่าเป็นคนธรรมดารึนักฆ่า ทำให้บนเกาะนี้มีหุ่นหินทั้งนักฆ่าและชาวประมง(ทั้งตัวจริงตัวปลอม)อยู่มากมาย กลายเป็นที่กล่าวขวัญถึงความดุร้ายของเหล่ากอร์กอน

 

    จนกระทั่ง เพอร์ซีอุส บุตรแห่งซุส(เป็นลูกผสม) ได้เข้ามาในตำนานของกอร์กอน ตำนานว่า กอร์กอนนั้น๒นางแรกเป็นอมร ฆ่าไม่ตาย มีเมดูซ่านางเดียวที่ไม่เป็นอมตะ(จริงๆแล้วที่ว่าเป็นอมรนั้นน่าจะหมายถึงคนธรรมดาไม่มีปัญญาฆ่าได้ต่างหาก! พวกเทพกรีกก็เหมือนกัน เพราะพวกนี้ มีเลือดเนื้อแบบมนุษย์แล้วจะไม่ตายได้ไง?) ก่อนเดินทางมาฆ่ากอร์กอน(ซึ่งโพไซดอนคงไม่สนใจแล้ว!) อธีน่าได้มอบหมวกวิเศษใส่แล้วหายตัวได้และโล่วิเศษ พร้อมสอนวิธีฆ่าเมดูซ่าว่า"กอร์กอนมีอำนาจมาก อย่าให้นางเห็นตัวและห้ามมองหน้า(สบตา)นางโดยตรง จงสวมหมวกนี้เข้าถึงที่อยู่กอร์กอน และใช้โล่แทนกระจกส่องดูเมดูซ่าแล้วค่อยตัดหัวนางซะ!" ทางเฮอร์เมสเองก็ให้ยืมรองเท้าวิเศษใช้สำหรับเหาะไปฆ่าเมดูซ่า และดาบใบโค้งสำหรับตัดคอเมดูซ่า แต่!ยังขาดถุงวิเศษที่ใส่ได้สารพัดไว้ใส่หัวเมดูซ่า(กระเป๋า๔มิติของโดเรมอน?!)ซึ่งแม้แต่เทพกรีกก็ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน พวกที่รู้คือ กลุ่มนางกราเอียที่โดนลงโทษพร้อมกอร์กอน! หลังถูกสาปพวกนางถูกเรียกเหยียดว่า"นางผมเทา(Grey wemen)บ้างเรียกนางผมขาว" ซึ่งพวกนางถูกสาปให้ตาบอด!(ถูกควักตา?!)และเปลี่ยนลูกแก้วพยากรณ์ของพวกนางให้เป็นตาเทียมเพียงดวงเดียวไว้เวียนกันใช้!(เราคาดว่าตาดวงนี้มีกลุ่มกราเอียเท่านั้นที่ใช้ได้ ถ้าอยู่ในมือคนอื่นพวกนางไม่น่ามองเห็น) แต่พวกนางมีรึจะยอมให้น้องตนเองตาย?เพอร์ซีอุสจึงสวมหมวกหายตัวแล้วย่องเข้าไปขโมยตาของพวกนางขณะกำลังยื่นส่งให้กันอยู่! พวกนางอ้อนวอนขอดวงตาคืน แต่เพอร์ซีอุสบังคับให้พวกนางบอกที่อยู่ของถุงวิเศษ แต่พวกนางไม่ยอมบอก เพอร์ซีอุสจึงรอจนพวกนางหิวโหยเพราะขาดตาไว้มองหาอาหาร(บ้างว่าพวกนางมีฟันอีกชุดไว้แบ่งกันใช้และเพอร์ซีอุสแย่งไป ทำให้พวกนางอดอยาก เรื่องฟันนี้น่าจะเป็นตำนานที่แต่งเสริมเข้ามา เป็นการอธิบายตอบโจทย์ในเชิงวัตถุนิยม(รูปธรรม)ในยุคนั้นที่ว่า พวกนางขาดดวงตาทำไมถึงหิว?เลยแต่งเสริมตอบว่าเพราะมีฟันด้วยแต่โดนแย่งไป) สุดท้ายพวกนางทนหิวไม่ไหว จึง(น่าจะ)บอก(อ้อมๆ)ว่า ให้ไปหานางไม้ทิศอุดร เมื่อเพอร์ซีอุสรู้จึงฉลองศรัทธาโดยการนำดวงตานั้นไปทิ้งซะ! แล้วไปหานางไม้ซึ่งคงเต็มใจให้ถุงวิเศษและอวยพรให้(คงติดใจความหล่อของเพอร์ซีอุส?!) จากนั้นจึงเดินทางไปฆ่าเมดูซ่า!

 

    เมื่อถึงเกาะร้างของกอร์กอน เปอร์ซีอุสก็สวมหมวกหายตัวไม่ให้เหล่ากอร์กอนเห็นตัว แต่เพอร์ซีอุสเองก็มองหน้ากอร์กอนตรงๆไม่ได้(เพราะอธีน่าสอนมา!) จึงใช้โล่ที่คงใสเหมือนกระจกเงา แต่คงเป็นกระจกเบี้ยวๆแบบกระจกลวงตา! เพอร์ซีอุสจึงไม่รู้ว่าเมดูซ่าสวยแค่ไหน?!(ประกอบกับความอยากดังจึงปฏิบัติตามคำแนะนำของอธีน่าอย่างเคร่งครัด!) ในระยะไกลเพอร์ซีอุสมองเห็นเหล่ากอร์กอนกำลังนอนหลับ โดยมีปีกอยู่ข้างกาย แต่ก็ไม่รู้ว่านางไหนคือเมดูซ่าเพราะพวกนางเป็นแฝดสาม! อธีน่าจึงส่งกระแสจิตมาบอกว่า"เมดูซ่าคือคนที่อยู่ใกล้หาด" เปอร์ซีอุสจึงเพ่งมองภาพเบี้ยวๆในโล่นั้นแล้วย่องเข้าไปตัดคอเมดูซ่าขณะกำลังหลับ!(โคตรแมนเลย) โดยไม่รู้ว่าเมดูซ่ากำลังท้องลูกแฝดสอง! ทารกในครรภ์ของนางไหลออกมาพร้อมโลหิตทางคอที่ถูกตัด ทารกทั้งคู่คือ เครอเซเออร์(Chrysaor-ชญนิศา?/ชัยสิทธิ์?/ชยิสรา?) กับ เพกาสุส(Pegasus)!

 

    เมดูซ่าคงเคยขอพรกับโพไซดอนว่า ถ้านางมีลูกกับโพไซดอน ขอให้ลูกของนางโตในทันทีที่เกิด(นางคงเกรงว่าจะเลี้ยงลูกไม่ได้เพราะคำสาป) และโพไซดอนก็จัดให้ตามคำขอ(อาจเพราะตอนนั้นยังเห่อเมดูซ่าอยู่) เครอเซเออร์จึงโตเป็นหนุ่มในทันทีที่คลอดออกมา(ทางคอ!) แต่เพกาสุสนั้นมีความกล้ากว่าเครอเซเออร์จึงคิดร้องเตือนป้าอีก๒นางที่หลับอยู่ อธีน่าเฝ้ามองอยู่จึงได้สาปให้เพกาสุสกลายเป็นม้ามีปีกเพื่อไม่ให้ปากโป้งบอกใครอีก แต่เพกาสุสในร่างม้านั้นก็ยังส่งเสียงร้องจนกอร์กอนอีก๒นางตื่นมาพบร่างไร้ศีรษะของน้องรัก จึงเกิดโทสะจนผมที่พันกันกลายเป็นรูปงู พวกนางรีบติดปีกและเหาะตามทันทีแต่เพอร์ซีอุสสวมหมวกวิเศษหายวับไป

หลังจากเมดูซ่าถูกฆ่า ศีรษะของนางที่ตายในถูกสาป(ตายตอนแค้น!)ได้มอบให้อธีน่า ซึ่งอธีน่าได้เอาศีรษะของนางไปประดับไว้หน้าโล่ห์ของตัวเอง!!

 

    กอร์กอนอีก๒นางจึงตระหนักว่า เกาะร้างแห่งนี้ไม่ปลอดภัยสำหรับพวกนางอีกต่อไป(อธีน่าสั่งเก็บแค่เมดูซ่า น่าจะเป็นแค่แค้นส่วนตัวไม่ใช่การทำเพื่อส่วนรวมอย่างที่สร้างข่าว!) พวกนางจึงได้ย้ายไปยังเกาะอื่น ซึ่งหลังย้ายที่อยู่พวกนางก็ฝังใจกับการตายของเมดูซ่าจนเสียจริต ระแวงว่าจะมีคนตามฆ่า เมื่อมีผู้สัญจรผ่านไปมาพบพวกนางเข้า พวกนางก็สาปเป็นหินหมด!(เราคาดว่าเกาะนั้นน่าจะอยู่ในเส้นทางเดินเรือ!)พวกนางกลายเป็นเป็นตัวอันตรายต่อนักเดินเรือ แต่สุดท้าย(หลายสิบปีผ่านไป)พวกนางก็ถูกฆ่าโดย"เฮอร์คิวลิส"บุตรแห่งซุส ยอดวีรบุรุษ? เฮอร์คิวลิสได้แวะไปสังหารพวกนางโดยธนูที่ไม่ต้องเล็ง(ธนุรเวทระดับต่ำ?!)ระหว่างเดินทางไปทำพันธกิจที่๑๐(ตามฆ่าปิดปาก?!) ซึ่งพันธกิจครั้งที่๑๐ของเฮอร์คิวลิส คือ การนำฝูงปศุสัตว์ เจร์เรียน(Geryon-กโยนะ?/กฤติญาณ?/กิรญาณ?)กษัตริย์(หัวโขน?)แห่งเกาะอรายเธีย(Erytheia)ไปให้กษัตริย์ยูริสเธิส(Eurystheus)(ให้เฮอร์คิวลิสไปปล้น?!)

 

    แล้วเจร์เรียนเป็นใคร? อสูรเจร์เรียนเป็นบุตรของอสูรเครอเซเออร์!(โดนเหมาเป็นอสูรทั้งตระกูล!)กับนางสมุทร ซึ่งเป็น๑ใน๑๐๐๐ของธิดาอสูรสมุทร(คือมีอยู่๑๐๐๐นาง แล้วเครอเซเออร์แต่งกับนาง๑ใน๑๐๐๐นางนั้น) เราคาดว่า หลังเครอเซเออร์เกิด โพไซดอนคงให้ตำแหน่งกษัตริย์(หัวโขน)ปกครองหมู่เกาะอันโดดเดี่ยว?!(ไม่แน่นะป้ากอร์กอนทั้ง๒นางของเครอเซเออร์ อาจย้ายมาอยู่ใกล้หลานเพื่อปกป้องเครอเซเออร์จากการรุกรานและหัวขโมยก็ได้ แต่กลับถูกฆ่าตายในรุ่นเหลนเสียนี่!)

 

    หน้าทีหลักของเครอเซเออร์ก็ไม่มีอะไรมาก นอกจากเลี้ยงฝูงวัวสีแดงของโพไซดอน(พ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง!) หลังเครอเซเออร์ตายก็ได้มอบบัลลังก์(รึภาระ?)ให้กับเจร์เรียนซึ่งเจร์เรียนนี้บ้างเรียก Geryon บ้างก็เรียก Geryones เพราะเป็นแฝดสาม(อีกแล้วครับท่าน!) แต่ที่ใช้ชื่อเดียวเรียกแฝดสามก็เพราะว่า แฝดทั้งสามมีขาคู่เดียว! ทั้งสามตัวติดกันแค่ช่วงเอวเท่านั้น ลำตัวช่วงบนมี๓ร่าง หัวใจ๓ดวง

 

    หมอไหนที่ว่าเก่งๆแน่จริงกล้าผ่าแยกมั้ยล่ะเคสปราบเซียนแบบนี้?(พวกกรีกนี่ก็แปลก อะไรที่พิการรึผิดธรรมชาติมันจับให้เป็นสัตว์ประหลาดหมด) เจร์เรียนมีผู้ช่วย(เลี้ยงวัว)๒ตน คือ ออร์ธรุสสุนัขแฝด๒เศียรพี่น้องของเคลเบรุส และ ไฮดรา กับ ยักษ์ยูรีเชิน(Eurytion)บุตร(ลูกลับ?)!ของเอริส! เทพสงคราม!(โฮ้ย!ละครสัตว์ชัดๆ!) ออร์ธรุสนั้นทำหน้าที่เฝ้ายาม(และต้อนวัว?) ส่วนยูรีเชิน เป็นโคบาลดูแลฝูงวัวแดง เมื่อเฮอร์คิวลิสมาถึงเกาะอรายเธียแล้วจึงปีนเขาขึ้นไปสำรวจลาดเลา ออร์เธริสได้กลิ่นผิดปกติ จึงออกตามหาจนพบและพุ่งเข้าใส่เฮอร์คิวลิสทันที! แต่เฮอร์คิวลิสได้ใช้กระบองฟาดมันแค่ทีเดียวดิ้นเลย ยูรีเชินได้ยินออร์ธรุสร้องครวญคราง ก็วิ่งตามมาช่วยแต่ก็ถูกฆ่าอย่างง่ายดาย! แล้วเฮอร์คิวลิสก็จัดการต้อนวัว แต่เกาะนี้นอกจากวัวแดงที่เจร์เรียนดูแลแล้ว ยังมีวัวของยมราชเฮดิสกินหญ้าอยู่แถวนั้นด้วย! เฮอรคิวลิสจึงจับตัว เมโนเธิส(Menoetes)ผู้ดูแลฝูงวัวของเฮดิส แล้วสั่งให้คัดวัวของเฮดิสออกไม่ให้ติดไปกับวัวของเจร์เรียนแม้แต่ตัวเดียว แล้วเฮอร์คิวลิสก็ต้อนวัวไป ฝ่ายเมโนเธิสคงกลัวซวย จึงไปแจ้งเจร์เรียนให้ทราบ ซึ่งโกรธมากและรีบระดมพลติดตามไปเอาวัวคืน สุดท้ายก็ตามทันแต่เฮอร์คิวลิสแผลงศรดอกเดียวเสียบ๓หัวใจเจร์เรียนตาย!(ธนุรเวท?!) บ้างก็ว่าธนูนั้นชุบเลือด(รึ พิษ?)ของไฮดรา! เฮร่า(Hera) เทวราชินีรีบลงมาช่วยเจร์เรียน พลอยถูกธนูเสียบอกด้านขวา ต้องรีบกลับโอลิมปัสรักษาความเจ็บปวด(แล้วบอกว่าเป็นอมตะได้ไงในเมื่อยังมีเลือดเนื้อและเจ็บปวดได้?)

 

    ฝ่ายเพกาสุสที่ถูกสาปเป็นม้ามีปีกนั้นหลังจากเกิดได้บิน(ปลีกวิเวก?)ไปอาศัยหากิน ณ เชิงเขาอันเป็นที่ตั้งเมืองโครินธ์(Corinth) แถวน้ำพุไพรินี(Pirene-ไพรินน์?!) ของกษัตริย์ซิซีเฟิส(Sisyphus-ศศิพัทธ์?!) เวลานั้นเบลเลโลฟอน(Bellerophon)โอรสของกษัตริย์กลอเคิส(Glaucus)ผู้ตายเพราะแข่งม้า และเป็นหลานของซิซีเฟิสถูกท้าทายให้กำจัดคิเมร่า เบลเลโลฟอนจึงคิดว่า การฆ่าคิเมร่าต้องพุ่งหอกจากที่สูงเท่านั้นจึงสำเร็จ! ประกอบกับได้รับคำแนะนำให้ขอความช่วยเหลือจากอธีน่าที่วิหารประจำเมือง(เมืองนี้เป็นเขตปกครองของอธีน่า?) เบลเลโลฟอนจึงไปอ้อนวอนในวิหารจนม่อยหลับไป(โปรดสังเกต เบลเลโลฟอนไม่ใช่ลูกเทพนะ!) ในฝันเบลเลโลฟอนได้รับคำแนะนำว่า ให้ถวายเครื่องบูชา(เครื่องเซ่น?)แก่โพไซดอนเพราะ"เพกาสุสอยู่ในอาณัติของโพไซดอน!(พ่อบังเกิดเกล้าเลี้ยงไว้ดูเล่น?)" ส่วนอธีน่าจะเตรียมเชือกกับบังเหียนทองคำไว้ให้ พอตื่นเบลเลโลฟอนก็พบเชือกกับบังเหียนทองอยู่ข้างตัวจึงทำการถวายบูชาตามธรรมเนียม แล้วพอออกไปน้ำพุก็คล้องเพกาสุสได้อย่างง่ายดาย และยอมให้ขี่ได้ตามใจ

 

    จากนั้นเบลเลโลฟอนก็ขี่เพกาสุสไปกำจัดคิเมร่า(โฮเมอร์ว่าคิเมร่ามีหัวเป็นสิงโต๓หัว หางเป็นมังกร ลมหายใจเป็นไฟ แต่ฮีเสียดว่า มี๓หัว สิงโตอยู่กลาง อีก๒หัวเป็นแพะกับมังกร ปลายหางเป็นหัวงู/อยู่ระหว่างตีความ)โดยฉวยโอกาสตอนคิเมร่าหัวสิงโต(หัวกลาง?)อ้าปากคำรามขู่ พุ่งหอกที่มีก้อนตะกั่วเสียบปลายจากที่สูง(เกินกว่าที่คิเมร่าจะพ่นไฟ)แทงเข้าไปในลำคอ ลมหายใจ(ที่ร้อนดั่ง)ไฟ ของมันหลอมก้อนตะกั่วละลายลงไปในท้องและตาย!

 

    จากนั้นกษัตริย์ไอโอบาทิส(Iobates)แห่งลายเคีย(Lycia)ผู้ท้าทายเบลเลโลฟอนให้ปราบคิเมร่าเกรงกลัวและไว้ใจมอบธิดาและบัลลังก์ให้ กลายเป็นวีรบุรุษแห่งลายเคีย ว่ากันว่าเบลเลโลฟอนฮึกเหิมจนลืมตัวคิดขึ้นไปปราบเทพบนโอลิมปัส!(แต่ทางเราคาดว่า)เบลเลโลฟอนคงจะสื่อสารกับเพกสุสรู้เรื่อง และได้ทราบถึงสิ่งที่เทพกรีกกระทำกับกอร์กอนทำให้รับไม่ได้ รีบขี่เพกาสุสบินไปเขาโอลิมปัสเพื่อล้างแค้นให้เพกาสุส(และคนอื่นๆ?) แต่ปฏิวัติการณ์ล้มเทพเจ้าในครั้งนี้อยู่ในการคาดการณ์ของซุสที่คงอ่านเกมออกนานแล้ว จึงส่งแมลงหวี่(แปลงเป็นแมลงหวี่?)มาตอมตาเพกาสุส ทำให้พยศสลัดเบลเลโลฟอนตกลงไปในดงไม้กลายเป็นวีรบุรุษพิการขาหัก(พวกเทพไม่กล้าฆ่า/สาป เพราะเป็นคนของมหาชน?) ส่วนเพกาสุสถูกซุสจับไปใช้บรรทุกสายฟ้า(พ่อมันคงไม่เอา?) บ้างว่าเพกาสุสมีบริวารเป็นตัวเซนทอร์(Centaur)อยู่ที่เขาเพเลิน(Pelion-เพลิน?!(พ-ล-เออ-น)

 

    แต่นอกจากทายาทกลุ่มนี้แล้ว กลุ่มกอร์กอนยังมีทายาทอื่นอีก(แต่ไม่ค่อยมีคนรู้จัก!) เช่น ยักษ์(แฝด)๓หัวหน้าตาดุดัน(และอารมณ์ฉุนเฉียว?) ปากทั้ง๓พ่นไฟได้(ลมหายจร้อนเป็นไฟ?) ชื่อ คาคุส(Cacus-คฤโฆษ?!) อาศัยอยู่ในถ้ำที่เชิงเขาด้านหนึ่งของป่าอเวินทายน์(Aventine) คาคุสทำอาชีพเลี้ยงสัตว์ไว้กิน แต่มีข่าวลือว่าคาคุสชอบกินเนื้อคนมาก เพราะปากถ้ำของคาคุสมีกะโหลกและกระดูกมนุษย์กระจัดกระจายมากมาย(แต่เราคาดว่า กระดูกเหล่านั้นน่าจะเป็นของพวกที่มาขโมยสัตว์ของคาคุสที่ถูกจับได้แล้วเอามาวางขู่มากกว่า!) จึงไม่มีใครกล้าเดินทางรึปลูกบ้านในป่านี้เลย คาคุสเป็นบุตรของ เฮเฟสเทิสเทพนายช่าง(เฮเฟสเทิสเป็นเทพบุตรก็จริงแต่เกิดมาอัปลักษณ์ พอโตเป็นหนุ่มก็พิการขาขาดต้องเอาทองคำมาขาเทียมจนเดินได้เป็นปกติพวกเทพเทวีจึงยอมรับ ได้แต่งงานกับ เทวีงามล้ำอโฟรไดต์ เพราะเดิมทีซุสต้องการนางแต่นางปฏิเสธ ซุสจึงจับนางแต่งกับเทพอัปลักษณ์เฮเฟสเทิสโดยที่นางไม่เต็มใจ จึงประชดโดยการสำส่อนไม่เลือกว่าเป็นเทพรึมนุษย์ เฮเฟสทัสจึงต้องโดดเดี่ยว)กับ นางกอร์กอน เมดูซ่า!!!(เอ...พวกกอร์กอนนี่ชักจะยังไงๆ รึโพไซดอนเลิกไยดีเหล่ากอร์กอนเพราะเหตุนี้?!)

 

    เมื่อครั้งเฮอร์คิวลิสต้อนวัวแดงของเจร์เรียนผ่านมายังทุ่งหญ้าของป่านี้ก็ปล่อยให้ฝูงวัวกินหญ้า แล้วหลับไปด้วยความเหนื่อย คาคุสได้ย่องมาขโมยวัวตัวผู้๒ตัว กับ วัวตัวเมีย๔ตัว ที่คาคุสคิดว่าดีที่สุด(อนึ่งการขโมยนี้น่าจะเป็นการแก้แค้นให้เจร์เรียนที่มีศักดิ์เป็นหลานคาคุส?!) แล้วลากหางวัวทั้ง๖ให้เดินถอยหลังเข้าถ้ำแล้วปิดปากถ้ำด้วยก้อนหินใหญ่ ส่วนตนเองขึ้นไปเฝ้าสังเกตการณ์อยูในป่าบนปากถ้ำ รุ่งเช้าเฮอร์คิวลิสตื่นมาพบว่าวัวหายไป หายังไงก็ไม่เจอจึงตัดใจต้อนวัวที่เหลือไปตามลำน้ำ พลันก็ได้ยินเสียงวัวร้อง จึงทิ้งฝูงวัว แล้วตามเสียงวัวไป และพบว่าวัวอยู่ในถ้ำแต่มีหินปิดปากถ้ำอยู่(คาคุสเปิดถ้ำแง้มให้เสียงวัวออกมาล่อเฮอร์คิวลิส?) เฮอร์คิวลิสจึงกลิ้งหินออกและพบวัวอยู่ภายในครบทุกตัว(นี่แสดงว่าคาคุสต้องการพบเฮอร์คิวลิสจริงๆ เฮอร์คิวลิสอุตส่าห์ถอดใจที่วัวหายแล้วยังจะใช้วัวล่อมาอีก) คาคุสโดดลงมาจากปากถ้ำและพ่นไฟจากทั้ง๓ปากใส่เฮอร์คิวลิสทันที! แต่ไฟนั้นทำอะไรเฮอร์คิวลิสไม่ได้เลย(แน่ล่ะก็เป็แค่ลมร้อนนี่ รึเป็นควันจากยาสูบ?) เฮอร์คิวลิสตรงเข้าสู้กับคาคุสและต่อยหน้าคาคุสจนบวมเป่ง คาคุสจึงขอยอมแพ้ เฮอร์คิวลิสจึงปล่อยคาคุสไป(ขี้เกียจฆ่ามั้ง?) เฮอร์คิวลิสยังเคยสร้างวิหารเพื่อรำลึกถึงเจร์เรียนเจ้าของวัวแดงด้วย(ทำเพื่ออะไร?ฆ่าเขาแล้วมานั่งสรรเสริญ/ตบหัวแล้วลูบหลังชัดๆ)

 

    และทายาทอีกหนึ่งหนุ่มกอร์กอนที่เราค้นเจอ(ลูกหลานกอร์กอนมีแต่ผู้ชายแฮะ เป็นได้มั้ยว่าคำสาปที่เหล่ากอร์กอนโดนจะมีผลเป็นยีนแฝงในเพศหญิงเท่านั้น เหล่ากอร์กอนจึงขอให้เหล่าเทพ(ที่เป็นสามี)บันดาลให้แต่ลูกชายจะได้ไม่โดนสาป ไม่ก็หวังสูงอยากให้ลูกหลานเป็นชายจะได้ประกอบวีรกรรมแบบพวกครึ่งเทพที่ดังๆมั่ง? รึอาจทั้ง๒อย่างเลยก็ได้) ผู้นั้น คือ โอไรออน!!!(Orion-อุไรอร?=งามอย่างทอง?!)พรานหนุ่มรูปงามประจำกลุ่มดาวนายพราน(เห็นมั้ยกอรกอนไม่ได้มีแต่ลูกไม่สมประกอบนะ ที่หน้าตาหล่อๆก็มี)

 

    โอไรออนเป็นบุตรของโพไซดอน กับนางกอร์กอน ยูริอาลี มีพระนางกาย่าเป็นแม่(บุญธรรม) โอไรออนเป็นหนุ่มรูปงาม ชอบล่าสัตว์แต่เด็ก จนโตเป็นบุรุษกำยำสง่างาม วันหนึ่งเที่ยวล่าสัตว์ไปจนถึงเมืองไฮเรีย(Hyria) แห่งเกาะคีออส(Chios) ซึ่งกษัตริย์เออโนเพิน(Oenopion)ปกครอง กษัตริย์องค์นี้มีธิดาเลอโฉมนามว่า เมโรเพ(Merope) โอไรออนหลงรักนางทันทีที่ได้เจอ ซึ่งเมโรเพก็ไม่รังเกียจ แต่เออโนเพินได้ตั้งเงื่อนไข(เพราะคงรังเกียจ)ให้โอไรออนกวาดล้างสัตว์ร้ายที่เพ่นพ่านทำร้ายชาวเมืองให้หมดก่อน(แล้วค่อยคุยกัน) โอไรออนตั้งใจทำงานเต็มที่ ทุกเย็นจะหอบหนังสัตว์ที่ฆ่าได้มาให้เป็นหลักฐาน จนวันหนึ่งก็หาสัตว์ร้ายไม่ได้อีก จึงทวงสัญญาแต่เออโนเพินบ่ายเบี่ยงโดยการให้โอไรออนดื่มเหล้าที่แรงมากๆเป็นรางวัลก่อน! แต่ผลกลับไม่เป็นดังคาดเมื่อโอไรออนเมาแล้วบ้าคลั่งบุกเข้าปลุกปล้ำเมโรเพถึงห้องนอน!!! เออโนเพินรู้เข้าก็โกรธมาก(ถามหน่อย"ใครผิดวะ?") จึงขอให้เทพไดโอไนเสิส(Dionysus)บิดาของตนช่วยล้างอาย ไดโอไนเสิสจึงส่งเซนทอร์มากล่อมให้โอไรออนดื่มเหล้าจนเมาหมดสติ(พวกครึ่งเทพแพ้เหล้าแบบแซมซั่น?!) เออโนเพินได้ทีควักตาออกทั้ง๒ข้างแล้วให้องครักษ์แบกตัวไปทิ้งทะเล!(เลวทั้งขึ้นทั้งล่อง!) โพไซดอนช่วยไม่ให้จมน้ำตายและให้นางน้ำโหรตรวจชะตาได้ความว่า หากเดินทางไปสู่ขอบฟ้าทิศตะวันออกก็จะได้ดวงตาคืน โพไซดอนหาเรือเล็กให้โอไรออนพายไปที่เกาะเลมนอส(Lemnos)อันเป็นที่ตั้งโรงงานของเฮเฟสเทิส โดยฟังจากเสียงฆ้อนตีเหล็กของยักษ์ตาเดียวซายคลอปส์(Cyclops)(ทานโทษนะแล้วทำไมไม่ไปส่งเองวะโพไซดอนเป็นพ่อโอไรออนแท้ๆ รึไม่กินเส้นกันเพราะแย่งนางกอร์กอน?)

 

ซายคลอปส์เป็นลูกมือเฮเฟสเทิส มี๓ตน คือ

 

๑.บรอนเทิส(Brontes)

๒.สเตโลเพิส(Steropes)

๓.อาร์เกิส(Arges)

 

    และให้เฮเฟสเทิสช่วยกล่อมเทพฝึกงานซีดาเลียน(Cedalion)จนยอมให้โอไรออนขี่คอและตุหรัดตุเหร่ไปจนถึงขอบฟ้าทางทะเลทิศตะวันออก และโอไรออนก็ได้ตาทั้ง๒ดวงคืน(ยังไม่ทราบว่าได้มายังไง) ที่นั้นโอไรออนได้พบกับอีออส(Eos)นางอสุรีที่ถูกอโฟรไดต์สาปให้เป็นฮิสทีเรีย!(จะเรียกว่าซวยรึอะไรดี?) ทั้งคู่ท่องเที่ยวไปเรื่อยจนมาถึงเกาะดีลอส(Delos)ซึ่งอยู่ใกล้เกาะคีออส ทำให้เหตุการณ์ถูกหักหลังบนเกาะคีออสกลับมาในความทรงจำโอไรออนอีกครั้ง! จึงเดินทางกลับไปแก้แค้นเออโนเพิน แต่หาจนทั่วเกาะก็ไม่พบ โอไรออนคิดว่าคงหนีไปอยู่กับปู่มายนัส(Minos)กษัตริย์เกาะครีทในขณะนั้น แต่ที่จริงเออโนเพินรู้อยู่แล้วว่าโอไรออนไม่ตายและจะกลับมาแก้แค้น จึงจ้างเฮเฟสเทิสสร้างห้องใต้ดินไว้ซ่อนตัว!(เจ้าเล่ห์นัก!) โอไรออนจึงรีบแล่นเรือไปเกาะครีททันทีโดยไม่ได้บอกอีออส มาถึงเกาะครีทก็หาเออโนเพินไม่พบอีก แต่พบเทวีอาร์ทีมิส(Artimis)นักล่าสัตว์ที่ไม่สนเรื่องคู่ครอง โอไรออนรู้ใจจึงชวนอาร์ทีมิสออกล่าสัตว์อย่างสนุกสนาน อาร์ทีมิสชอบโอไรออนเพราะไม่หยิ่งและเคารพยกย่องในตัวอาร์ทีมิส แต่อพอลโลพี่ชายแฝดของอาร์ทีมิสระแวงว่าน้องสาวตนจะหลงเสน่ห์โอไรออนซึ่งจริงใจกับรักแรกคือ นางเมโรเพเท่านั้น! จึงไปฟ้องพระแม่กาย่าผู้เป็นย่าของอีออสว่า โอไรออนหักอกอีออสและคุยว่าจะฆ่าปศุสัตว์ให้หมดป่า ทำให้โกรธมาก(ที่ตนเลี้ยงโอไรออนไม่ดี?) จึงยอมให้อพอลโลยืมแมงป่องยักษ์ไปใช้ตามอัธยาศัย! ครั้นโอไรออนเห็นแมงป่องเดินเข้ามาหาตนก็เดาเหตุการณ์ออก จึงยิงธนูสกัดแต่ไร้ผล ใช้ดาบก็ฟันไม่เข้า ทำให้รู้ว่าแมงป่องนี้อาวุธใดก็ทำร้ายไม่ได้จึงโดดลงทะเล(กาย่าให้ยืมแมงป่องมาขู่เฉยๆ?) โอไรออนคิดว่ายกลับไปเกาะดีลอสหวังให้อีออสช่วย โอไรออนว่ายไปเกือบถึงเกาะอยู่แล้ว อพอลโลจึงเรียกน้องสาวมาแล้วชี้ให้ดู บอก(หลอก)ว่า คนที่กำลังดำผุดดำว่ายอยู่นั้นคือผู้ที่ลวงปุโรหิตสาวนางหนึ่งของอาร์ทีมิสไปข่มขืน! อาร์ทีมิสโกรธจัดคิดปกป้องสิทธิสตรีของคนในอาณัตินาง(โอเคเจตนาดี แต่ซื่อไปมั้ย?ทำไมไม่เช็คคนในสต๊อกตัวเองก่อนแล้วค่อยจัดการ?)เลยแผลงศรเงินตรงเข้าทะลุกะโหลกโอไรออน! เสร็จแล้วจึงรีบเหาะเข้าไปดูผลงาน ครั้นรู้ว่านางยิงสหายร่วมล่าสัตว์ก็เสียใจมาก รีบหาแพทย์มาช่วยเยียวยา เกือบสำเร็จอยู่แล้วซุสก็ฟาดสายฟ้าลงมาตัดบทเพราะกลัวลูกหลงใหลโอไรออน!(กลัวว่ากรรมเก่าที่เคยแย่งเมียชาวบ้านจะเข้าตัวมากกว่า!) ด้วยความเสียใจอาร์ทีมิสจึงวาดภาพโอไรออนไว้บนฟ้าเพื่อรำลึกถึงสหายรักตลอดกาล

 

ฎีกาขอความเป็นธรรมให้ผู้เกี่ยวข้องในคดี๓พี่น้องกอร์กอน

ประเภท: บันทึก, อื่นๆ

บล็อกที่น่าจะชอบ

28/09/2017
เห็นแต่ละคนกรี้ดกร้าดหนุ่มคนนั้นคนนี้อยากการ์ตูนในเว็บเราตั้งหลายคน และแอดเองก็หลงรักผู้ชายสองมิติในเว็บตัวเองเช่นกัน ก็ช่วยไม่ได้อ่ะ วาดกันสวยและมีเสน่ห์เหลือเกิน ไม่ให้หลงก็ไม่ได้ละยูกั๊ป (Live or Not ปาฏิหาริย์รักย้อนวัย)วาร์ป: http://ookb.ee/comicsLON
14/12/2015
กลับมาพบกันอีกครั้งกับปากกาสีนะคะ ในวันนี้ปากกาสีจะมารีวิว ปากกาตัดเส้น ที่ตัวเองใช้อยู่ค่า ซึ่งตัวปากกาที่เราจะรีวิวในวันนี้จะมีทั้งหมด 6 แบรนด์ด้วยกันค่ะถ้างั้นไม่พูดพล่ามทำเพลงอะไรมาก ขอเริ่มการรีวิวเลยแล้วกันค่ะเริ่มจากตัวแรก PIGMA MICRON แบรนด์นี้เป็
20/12/2016
ดีจ้าาาาา !!! แอดมินรายงานตัวอีกครั้งวันนี้มี Scoop สนุกๆ มาฝากเหมือนเดิม ด้วยความที่เป็นช่วงพักเที่ยง กระเพาะเริ่มกรีดร้องโหยหวนหาของกิน แอดเลยเอาภาพเปรียบเทียบเมนูอาหาร 3 เวอร์ชั่น "มัง - เมะ - จริง " จากเรื่อง Shokugeki no Soma ยอดนักปรุงโซมะ มาทรมาน..
26/04/2015
สวัสดีครับเพื่อนๆชาว Ookbee ผมออม ครับ เมเนเจอร์ของ LM-Studio สตูดิโอที่ทั้งรับและสอนกราฟฟิกวันนี้ได้มีโอกาสได้เขียนรีวิวเกี่ยวกับอุปกรณ์วาดรูปในฝันของผม และเชื่อว่าเป็นอุปกรณ์ในฝันของหลายๆท่าน ^^(บางคนอาจจะมีแล้ว แต่ต้องการอันที่ดีขึ้นไปอีกก็ไม่ว่ากันนะค
ส่ง
ความคิดเห็น ()