ประดิษฐกรรมวิทยาศาสตร์ล้ำยุคในวรรณคดีไทย (SET 6) ชุด มนุษย์สังเคราะห์
วันที่โพสต์: 06/04/2019

จาก ประดิษฐกรรมวิทยาศาสตร์ล้ำยุคในวรรณคดีไทย (SET 6) ชุด มนุษย์สังเคราะห์

 

มนุษย์สังเคราะห์ในที่นี้ คือ มนุษย์เทียมที่มีร่างกายถูกสังเคราะห์ขึ้นจากวัสดุต่างๆ ซึ่งส่วนมากที่ปรากฏตามท้องเรื่อง มักเป็นวัสดุเหลือใช้ใกล้อาศรมของเหล่ามหาฤๅษีทั้งหลาย และมักมีจุดประสงค์ในการสร้างแตกต่างกันไป ทางเราจึงได้รวบรวมบุคคลที่เป็นมนุษย์สังเคราะห์จากนิทานพื้นบ้านและวรรณคดีไทยต่างๆ(อย่างคร่าวๆ)ไว้ ดังนี้

๑.พระลพ(ปัจจุบันเขียนว่า พระลบ)-คำว่า“พระลพ”ในที่นี้ ไม่ใช่ชื่อของบุคคล แต่เป็นคำสรรพนามสำหรับใช้เรียกมนุษย์เทียมที่ถูกสังเคราะห์ร่างกายขึ้นจากวัสดุต่างๆ เพราะคำว่า ลพ(ลว) แปลว่า การตัด, การเกี่ยว, ส่วนที่ตัดออก, ท่อน, ชิ้น, หยาดน้ำ พระลพจึงหมายถึงมนุษย์อันเกิดจากการสังเคราะห์ชิ้นส่วนต่างๆ

มนุษย์เทียมที่ได้รับชื่อรหัสว่า “พระลพ” มีร่างกายที่สังเคราะห์ขึ้นจาก“หนังสัตว์” และมักเป็นหนังของสัตว์ใหญ่ที่มีบารมีน่าเกรงขาม ดูดีมีชาติตระกูล เช่น หนังราชสีห์ เป็นหลัก

พระลพที่รู้จักกันดี คือ พระลพ ลูกชายคนเล็กของนางสีดา จากวรรณคดีเรื่อง“รามเกียรติ์” ซึ่งเกิดจากความผิดพลาดทางเทคนิคของท่านฤๅษีวัชรมฤค(ฤๅษีกวางสายฟ้า) เมื่อครั้งที่พระรามสั่งพระลักษณ์ให้นำนางสีดาไปประหารเนื่องจากแอบวาดภาพของทศกัณฐ์ให้นางรับใช้ดู พระลักษณ์สงสารเลยปล่อยตัวไป นางสีดาจึงไปอาศัยอยู่กับฤๅษีวัชรมฤคและได้คลอดโอรส ๑ องค์ จึงตั้งนามว่า พระมงกุฏ

วันหนึ่งนางสีดาไปทรงน้ำที่ลำธารปล่อยพระมงกุฎอยู่กับพระฤๅษี ขณะนั่นฤๅษีทำสมาธิอยู่ นางกำลังทรงน้ำเห็นชะนีอุ้มลูกน้อยจึงคิดถึงลูกกลับไปนำพระมงกุฎมาสรงน้ำ ฤๅษีออกจากสมาธิไม่เห็นพระมงกุฎกลัวนางจะเสียใจ(คิดว่าตัวเองทำลูกนางสีดาหาย)จึงทำพิธีเนรมิตกุมารขึ้น โดยการวาดภาพพระมงกุฏ(ซึ่งนอกจากภาพเหมือนของพระมงกุฏแล้ว ควรต้องมีรายละเอียดข้อมูลส่วนบุคคลและลักษณะทางกายภาพของพระมงกุฏ เช่น วันเดือนปีเกิด และฤกษ์ยามต่างๆซึ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่หาได้จากการคำนวณในหลักโหราศาสตร์)ลงบนแผ่นหนังราชสีห์ แล้วโยนใส่ในกองไฟที่ก่อไว้ เพื่อสังเคราะห์ขึ้นมาเป็นกุมารโคลนนิ่งอีกคน(ซึ่งต้องมีการเรียกดึงดวงจิต[เร่ร่อน?]เข้ามาประกอบร่วมในพิธีด้วย เพื่อให้ร่างเทียมของกุมารที่สังเคราะห์ขึ้นมีชีวิตจริงๆ)

ทว่านางสีดากลับมาก่อน พระฤๅษีจึงคิดจะเลิกทำพิธีแต่นางสีดาขอร้องให้ทำพิธีต่อเพื่อจะได้เป็นเพื่อนเล่นกับพระมงกุฎ

พระฤๅษีวัชรมฤคจึงทำพิธีต่อจนเสร็จ เกิดเป็นกุมารซึ่งมีลักษณะทางกายภาพเหมือนกับพระมงกุฎทุกประการขึ้น จึงให้ชื่อว่า พระลพ

เนื่องจาก พระลพ เกิดจากการโคลนนิ่งโดยการทำสำเนา(Coppy)ลักษณะทางกายภาพของคนเป็นเป็นจากการคำนวณในหลักโหราศาสตร์มาสังเคราะห์ขึ้นใหม่ บุคคลที่เกิดขึ้นจากวิธีการนี้จึงเข้าข่ายการเกิดแบบโคลนนิ่ง

ดังนั้น ทางเราจึงขอเรียกวิชานี้ว่า ลพชีพ หมายถึง ชีวิตที่เกิดจากการสังเคราะห์ชิ้นส่วน

แผนผังการชุบชีวิต(Cloning)ด้วยหนังสัตว์

 

๒.นางโมรา-อิสตรีผู้นำความวายชนม์มาสู่เจ้าชายจันทโครพ หากแต่ว่า จะโทษให้นางเป็นต้นเหตุให้เจ้าชายจันทโครพต้องตาย(ก่อนถูกชุบชีวิตขึ้นมาใหม่ในภายหลัง)ก็คงไม่ถูกต้องเสียทีเดียวนัก เพราะเดิมทีนั้น นางโมรา เป็นมนุษย์เทียมที่ถูกพระฤๅษีสังเคราะห์ร่างกายขึ้นจากเส้นขนหางนกยูงเพศผู้ จึงได้ชื่อคือ “โมรา” ซึ่งแปลว่า นกยูง

ประเด็นสำคัญที่ควรถูกนำมาวิเคราะห์ใหม่ คือ อุปนิสัยของนางโมรา ที่ทำไมจึงโลเลไม่แน่นอน ขาดความยับยั้งชั่งใจผิดมนุษย์นัก ครั้นจะโทษพระฤๅษีผู้ที่สร้างนางขึ้นมาก็คงมิถูกควร เพราะพระฤๅษีผู้สร้างเองก็น่าจะออกแบบสังเคราะห์นางขึ้นมาอย่างเพรียบพร้อมสมบูรณ์แล้วเพื่อมอบให้จันทโครพผู้เป็นศิษย์รักของท่านเอง โดยพิจารณาจากท้องเรื่องช่วงที่ว่า

นารีใดในทวีปวงศ์มนุษย์
ก็แสนสุดที่จะสมเสน่หา
เห็นคู่ชมจะไม่สมกุมารา
จำจะให้กัลยาไปครองกัน
ดำริพลางทางนิมิตผอบแก้ว
อันพรายแพรวพริ้งเพริศดูเฉิดฉัน
ขนโมราเสกใส่ลงในนั้น
พระทรงธรรม์ป้องปิดผนิดดี
แล้วโอมอ่านคาถาจินดาเวท
ขนโมเรศกลายเป็นนารีศรี
ทรงโฉมประโลมลักษณ์ภัคินี
กุมารีอยู่ในผอบทอง
แล้วเขียนชื่อนางใส่ลงในฝา
ชื่อโมราโฉมศรีไม่มีสอง
จึ่งแย้มโอษฐ์โปรดยื่นผอบทอง
นี่แน่ของตาให้เอาไปเมือง

ในเมื่อ พระฤๅษีท่านรักศิษย์อย่างจันทโครพจนถึงขั้นที่เห็นว่า หญิงใดๆแดนมนุษย์ไม่ว่าจะสูงศักดิ์ดูดีมีชาติตระกูลสักปานใด ก็ไม่เหมาะที่จะเป็นคู่ครองของจันทโครพทั้งนั้น(ตั้งเกรดไว้สูงมาก!) ท่านจึงคิดสร้างหญิงงามนางหนึ่งขึ้นมาเพื่อให้เป็นคู่ครองของจันทโครพเสียเองเลย ด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้

๑.เนรมิตสังเคราะห์สร้างผอบทองคำอันวิเศษและมีค่ามากหลังงามงามขึ้นมาใบหนึ่ง

(คำว่า “แก้ว” ที่ปรากฏในกลอนตอนนี้ มีที่มาจากคำว่า “รัตนะ” ซึ่งหมายถึง สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตใดๆก็ตามที่มีคุณวิเศษ มีค่ามาก เป็นสิ่งประเสริฐ ดังนั้น ผอบหลังนี้จึงหมายถึง“ผอบทองคำ”นั่นเอง)

๒.เนรมิตเรียก(Teleport-เคลื่อนย้ายสสาร)ขนหางของนกยูงมาใส่ไว้ภายในผอบนั้น

๓.ปิดผนึกผอบทอง

๔.บริกรรมพระเวทใช้อำนาจจิตสังเคราะห์ธาตุเปลี่ยนขนหางนกยูงในผอบให้กลายเป็นหญิงงาม

๕.จารึกชื่อ “โมรา” ไว้ในเนื้อฝาด้านบนของผอบทอง

ครั้นเสร็จสรรพครบถ้วนทุกขั้นตอน จึงได้มอบผอบทองอันเป็นแคปซูลเวลาให้กับจันทโครพ เป็นของที่ระทึกเพื่อนำกลับไปเมืองเกิด ก็ในเมื่อเรื่องราวก็ดูดีซะขนาดนี้ แล้วอะไรคือต้นเหตุข้อบกพร่องของนางโมรา?

เพื่ออคลายข้อสงสัยนี้ จึงต้องกลับไปพิจารณากลอนตอนท้ายบท ซึ่งเป็นคำเตือนข้อควรระวังของพระฤๅษีที่ระบุว่า

แม้นเดินทางกลางป่าเจ้าอย่าเปิด
เอาไปเถิดให้ระบือเขาลือเลื่อง
ถึงชนกชนนีบูรีเรือง
ได้ครองเมืองเป็นมหาวราชัย ฯ

จากประโยคชุดนี้ แสดงว่า พระฤๅษีนั้นระบุย้ำเตือนชัดเจนว่า ผอบทองหลังนี้ จะเปิดได้ก็ต่อเมื่อกลับถึงเมืองเกิดของจันทโครพแล้วเท่านั้น ไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้น แต่ทว่า หลังออกเดินทางมาได้เพียง ๑๕ วันโดยประมาณ วิบากกรรมเก่าก็กระตุ้นเตือนให้จันทโครพทนเก็บความสงสัยไว้ต่อไปไม่ได้ จึงละเมิดคำเตือนของพระอาจารย์ เปิดผอบออกทันใดจนนำเหตุเพทภัยมาสู่ตัวในเวลาต่อมา ตามท้องเรื่อง

ทว่า สิ่งที่ทำให้เราสงสัย กลับเป็นประเด็นเรื่องของ“ระยะเวลา”ที่พระฤๅษีกำชับจันทโครพหนักหนาว่า ต้องเปิดผอบทองเมื่อกลับถึงเมืองเท่านั้น อะไร คือสิ่งที่ทำให้พระฤๅษีต้องกำหนดระยะเวลาเปิดผอบอย่างตายตัวลงไปเช่นนั้น

หลังจากวิเคราะห์หาเหตุที่มาทั้งหมด ทางเราจึงสามารถตั้งสมมุติฐานอนุมานได้ว่า

จากความที่พระฤๅษีต้องการสร้างหญิงงามที่เลิศล้ำกว่าหญิงชาวมนุษย์นางใดในใต้หล้า ความสมบูรณ์แบบจึงเป็นสิ่งที่พระฤๅษีพยายามสรรหามาบรรจุไว้ในตัวนางโมรา ดังนั้น นอกจากรูปโฉมภายนอกอันงดงามแล้ว นางโมรายังต้องมีความเพรียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม สามัญสำนึก ฯลฯ เพื่อให้นางเป็นยอดของยอดมหากุลสตรีที่สมบูรณ์แบบที่สุดและเหมาะสมกับจันทโครพอย่างไร้ข้อกังหา แต่ทว่า ข้อมูลทั้งด้านคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม และสามัญสำนึก ฯลฯ เป็นไฟล์ที่มีขนาดมโหฬารมาก จนไม่สามารถบรรจุข้อมูลทั้งหมดลงไปในจิตใต้สำนึกของนางโมราได้ในคราวเดียว พระฤๅษีจึงได้อัพลิงค์ชุดไฟล์ข้อมูลลงในผอบทองด้วย เพื่อให้นางโมราซึ่งอยู่ภายในผอบสามารถอัพโหลดข้อมูลได้โดยสะดวก

และเนื่องจากการโหลดไฟล์ข้อมูลจำนวนมหาศาลภายในผอบทองนี้ ต้องใช้เวลานานพอสมควร พระฤๅษีจึงได้กำชับเจ้าชายจันทโครพอย่างชัดเจนว่า ห้ามเปิดผอบทองจนกว่าจะกลับถึงเมืองเกิดอย่างเด็ดขาด เพื่อให้นางโมรามีเวลาอัพโหลดชุดข้อมูลในผอบได้สมบูรณ์๑๐๐%เต็ม ซึ่งกำหนดการณ์ระยะเวลาเดิมที่นางโมราจะสามารถอัพโหลดไฟล์ข้อมูลได้อย่างสมบูรณ์นั้น คือ ระยะเวลาตามเส้นทางที่จันทโครพใช้เดินทางจนกลับถึงเมืองพอดี(ซึ่งตามท้องเรื่องเหมือนจะไม่ได้กล่าวว่าใช้เวลาเดินทางนานขนาดไหน) แต่ผลกรรมก็บันดาลให้จันทโครพละเมิดคำเตือนแต่เก่าก่อนของพระอาจารย์จึงได้เปิดผอบก่อนเวลาหลังเดินทางจากอาศรมของพระฤๅษีมาได้เพียง ๑๕ วัน

ซึ่งการเปิดผอบก่อนเวลานี้ ทำให้นางโมราไม่สามารถโหลดชุดไฟล์ข้อมูลด้านคุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม สามัญสำนึก ฯลฯ จากในผอบทองที่พระฤๅษีท่านอัพลิงค์ไว้ได้อย่างสมบูรณ์ จึงเป็นผลให้คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม สามัญสำนึก ฯลฯ ของนางโมราเกิดความบกพร่องไปโดยปริยาย(เพราะเมื่อผอบซึ่งถูกปิดผนึกไว้อย่างมิดชิดถูกเปิดออกในครั้งแรก ไฟล์ข้อมูลที่ยังไม่ถูกอัพโหลดจะถูกตัดวงจรและลบตัวเองทันทีที่ฝาผอบถูกเปิด)

นางโมราจึงไม่เพียงเป็นตัวอันตรายต่อบุรุษ แต่ยังเป็นตัวอันตรายต่อมนุษย์ทั่วไปทุกเพศและวัยที่นางได้พบเจอด้วย เพราะความบกพร่องจากจิตใต้สำนึกของนางเป็นเหตุ ดังนั้น ท้ายที่สุด เมื่อพระอินทร์ได้ทดสอบประเมิณสภาพจิตใจและความเป็นมนุษย์ของนางดูโดยการจำแลงเป็นนกเหยี่ยวบินนำชิ้นเนื้อย่างมากินให้นางเห็น ก็พบว่า นางโมรานั้นขาดทักษะความสามารถในการดำรงชีพเยี่ยงมนุษย์ปกติ มีแต่เพียงทักษะด้านการใช้เสน่ห์และวาจาสำหรับเกี้ยวพาเท่านั้น ซึ่งหากนางเข้าถึงเมืองใดของมนุษย์ได้ อาจเกิดความโกลาหลใหญ่หลวงตามมาอีกนับไม่ถ้วน พระอินทร์จึงตัดสินใจดัดแปลงนางให้กลายเป็น “ชะนี” เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาหากนางยังมีร่างเป็นมนุษย์อยู่

 

๓.นางกาลอัจนา-ภรรยาของพระฤๅษีโคดม หรือ ท้าวโคดม อดีตผู้ปกครองนครสาเกต ซึ่งอยู่ในเขตเดียวกับเมืองอโยธยา จากวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์

เมื่อครั้งยังเป็นกษัตริย์ครองเมืองสาเกต ท้าวโคดมไม่มีโอรสธิดา และเกิดความเบื่อหน่ายในราชสมบัติ จึงออกผนวชเป็นดาบสบำเพ็ญพรตสองพันปีจนหนวดเครารกรุงรัง กระทั่งมีนกกระจาบผัวเมียสามารถมาทำรังและออกไข่อยู่ในหนวดเคราของพระฤาษีโคดมได้

ครั้งหนึ่ง นกกระจาบตัวผู้ออกไปหากินชะมดอกบัวจนมืดค่ำ กลีบดอกบัวหุบลงมากักตัวไว้ เช้าวันรุ่งขึ้นดอกบัวคลี่บาน จึงบินกลับรัง เล่าเรื่องราวให้นางนกฟัง แต่นางนกไม่ยอมเชื่อ หาว่าไปติดนกสาวตัวอื่น ฝ่ายนกตัวผู้จึงสาบานตนว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ขอรับเอาบาปของดาบสไว้แก่ตนเอง

พระฤๅษีจึงถามว่าตนมีบาปข้อใดจึงจะรับเอาไป นกกระจาบตัวผู้ตอบว่า มีบาปที่ไม่มีโอรสและธิดา หนีออกจากเมืองมา จึงไม่มีผู้สืบราชสมบัตินับเป็นบาปอย่างยิ่ง พระมหาดาบสตรึกตรองก็เห็นพ้องกับนก จึงโกนหนวดเครา แล้วทำพิธีกองกูณฑ์บูชาไฟ หลับตาบริกรรมคาถา บังเกิดนางขึ้นกลางไฟ งดงามยิ่งนัก ให้ชื่อว่า “นางกาลอัจนา” อยู่ด้วยกันต่อมาจนได้ธิดาชื่อว่า “สวาหะ”

อันว่า นางกาลอัจนา นี้มีวิธีสังเคราะห์สร้างร่างกายที่ค่อนข้างเรียบง่ายมาก โดยพิจารณาตามท้องเรื่อง ดังนี้

จึ่งตั้งกองกูณฑ์บูชาไฟ
โดยไสยเวทเรืองศรี
หลับเนตรสำรวมอินทรีย์
พระมุนีก็บริกรรมไป ฯ
ครั้นถ้วนคำรบครบพัน
พสุธาเลื่อนลั่นสนั่นไหว
บังเกิดเป็นนางขึ้นกลางไฟ
แน่งน้อยวิไลทั้งกายา ฯ

จากข้อความนี้ ระบุเพียงว่า นางกาลอัจนา เกิดขึ้นจากกองไฟ แต่ไม่ได้ระบุว่า ใช้วัสดุใดสังเคราะห์ร่างกายของนางขึ้นมา ดังนั้น ทางเราจึงคาดว่า พระฤๅษีโคดมคงใช้ไม้ฟืนที่นำมาก่อกองไฟนั่นแหละเป็นวัตถุดิบในการสังเคราะห์ร่างกายนางขึ้นมา จึงนับได้ว่า นางกาลอัจนาถูกสร้างจากวัสดุซึ่งมีอยู่ทั่วไปตามป่าเขา

 

๔.พระจอกแก้ว-ชื่อนี้ไม่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลายมากนัก แต่เจ้าของชื่อนี้ คือ พระเอกจากวรรณกรรมวัดเกาะเรื่อง“จอกแก้ว”

อันชาติกำเนิดแต่เดิมของพระจอกแก้วนั้นก็ไม่ใช่ธรรมดา แต่เคยเป็นถึงเพชร(แก้ววิเชียร)สีเหลืองทองอ่อนที่ประดับอยู่บนหัวแหวนรูปนาคของพระจันทรเทพบุตร แต่ในตอนที่อสุรินทราหูเข้าแนบชิดจันทรเทพบุตรจนเกิดเป็นจันทรคราสให้มืดมิดนั้น พระจันทรเทพบุตรได้ยกมือขึ้นสะบัดให้ตนสามารถหลุดพ้นจากอสุรินทราหูที่กำลังอ่อนกำลังลงเพราะถูกขับไล่ ทำให้แหวนนาคประดับเพชรหลุดตกลงไปยังมหาสมุทร ทว่ามหาสมุทรก็ก่อรูปเป็นจอกแก้วเข้ารับแหวนวงนั้นไว้ แล้วลอยเวียนวนไปถึงบัลลังก์อนันตนาคราชที่ประทับของพระนารายณ์

เมื่อพระนารายณ์เห็นจอกแก้วส่องแสงสีเหลืองทอง จึงนำขึ้นพิจารณาจนพบแหวนอยู่ภายใน ซึ่งพระนารายณ์ก็คะเนว่าคงเป็นแหวนของพระจันทรเทพบุตรที่หลุดลงมาเมื่อคืนที่เกิดจันทรคราส

ด้วยความเสียดายและเล็งเห็นประโยชน์ว่าน่าจะให้เป็นผู้กอบกู้ได้(ว่าง่ายๆก็จะให้เป็นพระเอกนั่นล่ะ) พระนารายณ์จึงสังเคราะห์แก้ววิเชียรเหลืองอ่อนที่หัวแหวนนั้นให้กลายเป็นกุมารน้อย จากนั้นจึงเป่าซ้ำใส่ให้โตขึ้นกลายเป็นหนุ่มน้อยแรกรุ่นในบัดดลทันที(เรียกได้ว่าโตทันใช้ของจริง) จากนั้นพระนารายณ์จึงตั้งชื่อว่า“จอกแก้ว”

พระจอกแก้วนี้ นับได้ว่าเป็นมนุษย์สังเคราะห์ที่ได้รับบท“พระเอก”(และอาจเป็นมนุษย์สังเคราะห์เพียงรายเดียวที่ได้รับบทพระเอกด้วย)

ประเภท: บันทึก, อื่นๆ

บล็อกที่น่าจะชอบ

09/03/2016
จากที่ได้เขียนการ์ตูนสี เรื่อง Pulse ส่งประกวดกับทางเวบการ์ตูนLezhin comics ซึ่งได้ประกาศผลออกมาแล้ว ได้รางวัลที่สามค่ะ และมีโอกาสได้เขียนต่อให้กับทางนั้น ฝากรบกวนตืดตามผลงานด้วยนะค้าสามารถติดตามอ่านได้ที่เวบนี้ค่ะhttp://www.lezhin.com/comic/2nd_manhwakin
01/08/2017
มาต่อกันให้จบค่ะ กับซีรีส์ 20 คู่จิ้นวายที่โดนใจจนต้องอยากลงเรือ แอดพรีเซนต์ 10คู่แรกไปแล้ว เราก็ต้องมาต่อกันอีกครึ่งนึงให้ครบ 20เนอะ มีคู่ไหนบ้าง ไปดูกันโลดดดดSebastian x Ciel (Black Butler)แน่นอนว่าแอดจะต้องเปิดคู่แรกด้วยเรือลำใหญ่ของแอดก่อน คู่นี้ก็คือ
20/06/2016
[Character Drama CD ยมจัง แอนด์ เดอะ แก๊ง]'นกน้อย'Character Voice : AlivePoolzฟังเสียงนกน้อย : https://soundcloud.com/redcarpetsiam/character-drama-cd-6นกน้อย ถือว่าเป็นตัวละครที่มีคาแรกเตอร์ประจำตัวสูงตัวหนึ่งในเรื่อง และมีโมเดลเป็นของตัวเองอีกด้วย (สนใจ
30/10/2017
    หลายๆคงคงต้องใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการเดินทาง ไปเรียนบ้าง ทำงานบ้าง หรือไม่ก็ไปเที่ยว แต่ก็รู้ๆกันว่าบางครั้งการเดินทางมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ไหนจะรถติด รอรถก็นาน คนก็เยอะ เบียดกันอย่างกับปลากระป๋องอัดแน่น กว่าจะถึงที่หมาย ผมที่นั่งทำมาตั้งน
ส่ง
ความคิดเห็น ()