ทำไมถึงพิมพ์หัวข้อนี้ขึ้นมา อันเนื่องมาจาก..การตีราคาของงานเชิงอารมณ์เป็นหลักและงานในเชิงอารมณ์นั้นคืออะไร?
"งานศิลปะ" นะเอง ไม่ว่าจะแขนงไหน? อะไร? ที่เป็นถูกสร้างไม่ได้ทำให้รู้สึกอิ่มกายแต่มันอิ่มในทางคุณค่าทางจิตใจ เราถือว่าคือ "อารมณ์และความรู้สึก"
ทำไมถึงพิมพ์ว่า "กินไม่อิ่ม" เราหมายถึงสิ่งจำเป็นของการดำรงชีวิตนั้นคือ...ปัจจัยสี่ ที่อยู่ / เสื้อผ้า / อาหาร / ยา หากสิ่งสำคัญทั้งสี่นี้ยังไม่ครอบคลุมทั้งหมดหรือเพียงพอเข้าถึงทุกคน ยังไงก็ไม่มีทางที่เขาจะสนใจหรือให้คุณค่าปัจจัยที่ห้าเช่นงานศิลปะ... อะๆ เล่ามาถึงตรงนี้ต้องมีคนคิดแน่ๆเดี๋ยวนี้วางการศิลปะก็กว้างขึ้นนะ คนสนใจมากขึ้นก้ใช่เมื่อเทียบกับแต่ก่อนแต่ที่มันกว้างขึ้นน่ะไม่ใช่สิ่งที่เราจะบอกมันแค่เป็นสังคมที่กว้างขึ้นเท่านั้นแต่มูลค่านั้นกลับไมไ่ด้กว้างตามสังคมหรือคุณค่าทางจิตใจ... ต้องดูหัวเฉลี่ยหนังสือศิลปะสิ่งที่เป็นอารมณ์เราขายได้กับชนชั้นไหน? คนกี่%ของประเทศหรือพื้นที่ถ้าหากคิดแล้วยังได้หัวเท่าเดิมกำลังซื้อมีมากขึ้นหน่อยก็ไม่นับว่ามูลค่าเพิ่มมาก เพียงแค่มันเพิ่มตามกำลังเงินเฟ้อเท่านั้น...ฟังมาถึงตรงนี้แล้วก็ได้แต่นั่งคิดตาม จะทำเช่นไรให้งานศิลปะมีมูลค่ามากขึ้น... ถ้าหากพื้นที่เราปัจจัยสี่ยังไม่เพียงพอกำลังซื้อก็ไม่น่าจะถึงแหล่งของเราดังนั้นสิ่งที่เราต้องไปต่อคือการขายให้กับประเทศที่มีปัจจัยสี่เพียงพอนั่นเองแล้วมันจะกำเนิดมูลค่าในตัวของมัน...อาจฟังดูโหดร้าย แต่ว่ามันคือความจริง
กินอยู่นอนหลับมีที่นอนเงินเพียงพอถ้าเงินเหลือ = กำลังซื้อเกี่ยวกับความโลภหรืออารมณ์ ถ้าใครอ่านถึงตรงนี้แล้วยังไม่เข้าใจ เราจะอธิบายเรื่องของมูลค่าทางอารมณ์ให้ฟัง ยกตัวอย่างประเทศญี่ปุ่นสินค้าที่แข่งขันกันด้วยความสวยงามแปลกใหม่นั่นล่ะคือการเพิ่มมูลค่าทั้งที่มันคือน้ำทั้งที่มันคือขนมหรืออื่นๆเพียงแค่เพิ่มมูลค่าโดยใช้แนวคิดทางศิลปะเข้าไปก็ทำให้เกิดมูลค่าความหลากหลายมากมาย ทั้งสินค้า เกมส์ โมเดล การ์ตูน ณ ตรงนั้น... และส่วนมากงานศิลปะจะมีมูลค่ากับประเทศที่เจริญแล้วเพราะเขามีกำลังทรัพย์เหลือเพียงพอต่อการซื้อสิ่งที่เรียกว่า ..."อารมณ์และความรู้สึก"
(บันทึกๆอยากเล่าๆภาพงูหน้าปกนั้นไม่เกี่ยวอะไรแค่แปะเพราะว่ามันน่ารักดี)♥
ข้อมูลจะถูกนำออกทำให้ไม่สามารถอ่านได้อีกน่าเสียดายมากเลย
แน่ใจแล้วหรือที่ต้องการลบข้อมูลออก
หากยืนยันแล้วจะไม่สามารถกู้คืนมาได้อีกนะ!