อีกหนึ่งนักเขียนไทย ในช่วงยุคนักเขียนการ์ตูนสมัครเล่นบูม และมีผลงานคาบเกี่ยวระหว่างยุค นิตยสาร ลายเส้น และไทยคอมิค ก็คือ คุณ สำราญ จารุกุลวนิช นี่แหละครับ

โดยคุณ สำราญ มีผลงานสมัครเล่น ลงตีพิมพ์ใน ลายเส้น ประมาณเล่มที่ 5 รู้สึกจะชื่อเรื่อง สุดๆๆ หรือไงนี่แหละ (ก็ต้องขออภัยด้วย ที่หาข้อมูลมายืนยันชัดๆไม่ได้ เพราะ ผมมีวาสนา ได้อ่านลายเส้น(ยุค วิบูลย์กิจ)อยู่แค่ 4 เล่ม เอง แถมไม่มีเก็บไว้กะตัวเลยซักเล่ม Y_Y

รูป คุณ สำราญ จาก ไทยคอมิก ฉบับที่ 1 ตุลาคม ปี 2535

เมื่อข้ามมายังยุค นิตยสาร ไทยคอมิค ออกวางแผง เขาก็เป็น หนึ่งในนักเขียนสมัครเล่นที่ได้มีผลงานลงตีพิมพ์ ในเล่มปฐมฤกษ์ โดยผลงานที่คุณ สำราญ ส่งมาร่วมสนุกกันนั้น มีชื่อว่า สิวสยอง!

บางส่วนจาก สิวสยอง

เนื้อหาของการ์ตูนเรื่องนี้นั้น กล่าวถึง เด็กหนุ่มคนนึง ที่บีบสิวตัวเอง แล้วสิวเจ้ากรรมดันตกท่ออ่างล้างหน้า ไปทำปฎิกริยากับโซดาไฟ กลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดหน้าตาน่ารักน่าชัง มาไล่ฆ่าคนในบ้าน! (ทำไปด้ายยย....5555)

อย่างไรก็ดี อาจเป็นที่ไอเดียเหวอๆชวนฮาของการ์ตูนสั้นชุดนี้ก็ได้ ที่โดนใจทางทีมงาน ไทยคอมิก ในตอนนั้น และในเวลาต่อมานั้น คุณ สำราญ ก็จะกลายเป็นหนึ่งในนักเขียนประจำยุคแรกๆของนิตยสารหัวนี้ เคียงคู่กับ นักวาดหลายๆท่านในยุคโน้น ไม่ว่าจะเป็น เอกสิทธ์ ไทยรัตน์, ศักภพ เสาใบ, วรา เตมียพันธุ์

จนใน ไทยคอมิก ฉบับที่ 3 ธันวาคม 2535 ก็ปรากฎการ์ตูนเรื่องยาว จาก ฝีมือ คุณ สำราญ นั่นก็คือ อัคนี!

อัคนี (Pin Up สี ที่ตีพิมพ์ ใน TCM ฉบับที่ 15 มกราคม 2537)

เนื้อหาของการ์ตูนชุดนี้นั้น กล่าวถึง พญามัจจุราช แห่งนรกภูมิ ที่ลุ่มหลงอำนาจพาพลพรรคบุกโจมตีสวรรค์เพื่อชิงความเป็นใหญ่ในสามโลก จน พระอิศวร และเหล่าเทพองค์อื่นๆต้องนำกำลังเข้าต้านทาน จนพญามัจจุราช และสมุนพ่ายแพ้สิ้นชีพ แต่ถึงจะตายไปแล้ว เหล่ามารกับสมุน ยังไม่สิ้นฤทธ์ มันได้แยกดวงจิตส่งไปยังโลกเรียกว่า ศิลาอวตาร รอวันคืนชีพ

พระอิศวรและเหล่าเทพที่เหลือรอด จึงได้รวมพลังกัน สร้างเทพองค์ใหม่ลงไปตามล่าทำลายล้าง ศิลาอวตาร เทพองค์นี้มีนามว่า อัคนี หรือ พระเอกเจ้าของชื่อเรื่องนี่เอง!

อัคนี ขึ้นปก ในฉบับที่ 14 ธันวาคม 2536

และฉบับที่ 17 กุมภาพันธ์ 2537

ฉบับที่ 31 ธันวาคม 2537

ระหว่างการเดินทางตามหา ศิลาอวตาร บนโลก อัคนี จะได้พบกับ ทั้งศัตรูและมิตร มากหน้าหลายตา ไม่ว่าจะเป็น เจ้าสุครีพ ลิงจ๋อ ที่จับผลัดจับผลูกลายมาเป็นสหายร่วมทางกับ พระเอก (ตามสูตรหนังจักรๆวงศ์ๆ บ้านเราเลย) ส่วนเจ้าสุครีพ ในเรืองนี้ นี่ไม่รู้โตขึ้นจะได้ไปเป็นทหารรับใช้พระรามหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้นะ (ฮา)

อัคนี กับ สุครีพ

หรือ พรายดรุณี ที่เป็นศิษย์ของ ฤษี ฝ่ายธรรมะ ที่กลายมาเป็นสหายร่วมทางพระเอก

ส่วนศัตรูคู่ต่อกรของพระเอก ก็มีตั้งแต่ มนุษย์ที่ถูกพลังของ ศิลาอวตาร ครอบงำ

หรือ ศัตรูคู่ปรับ สำคัญ อย่าง ราสูร ที่เป็นบุตรของพญามัจจุราชนั่นเอง ที่ขับเคี่ยวกันมาตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องทีเดียว

ราสูร

แต่ ศัตรูที่น่าสนใจ ก็เห็นจะเป็น องคุลีมาร สมุนเอกของราสูร ที่เป็นมนุษย์ที่ได้รับพลังจาก ศิลาอวตาร เช่นกัน! แต่ องคุลีมารรายนี้ก็จะเป็นคนละคนกับ องคุลีมาร ในพุทธประวัติ เพราะ นายคนนี้ จะเป็นคนที่มีชะตาเกิดมาอาภัพ ถูกข่มเหงรังแกจากเพื่อนมนุษย์ ด้วยกัน จนหลงเดินทางชั่ว สุดท้ายก็ตกเป็นเครื่องมือที่ใช้แล้วทิ้งของ ราสูร อย่างน่าเศร้า

องคุลีมาร!

ในตอนท้ายเรื่อง พญามัจจุราช ก็คืนชีพ ขึ้นมาอย่างสมบูรณ์ จนยากที่ อัคนี กะสองสหาย จะต้านทานได้ พระอิศวร จึงนำเทพจากทั้งสวรรค์ ยกพลลงมาช่วยเหลือ!

การต่อสู้เป็นไปอย่างดุเดือด แต่บทสรุปก็น่าจะเดากันได้ไม่ยาก ธรรมะย่อมชนะอธรรมตามฟอรม์ พญามัจจุราช โดนเหล่าพระเอก สามัคคีสหบาทา เอ๊ย รวมพลังขจัดมาร จนสิ้นซาก !(แต่ก็ไมวายทิ้งท้ายตามสูตร  หากตราบใดที่เหล่ามนุษย์ยังมัวเมากับความชั่ว พวกข้าก็ไม่มีวันตาย บลาๆ อ้าก ตูม!....)

เมื่อ ภาระกิจเสร็จสิ้น อัคนี ก็อำลาสหายน้อยทั้งสอง รวมทั้งคนอ่าน กลับสู่สวรรค์ ปิดฉากการ์ตูนชุดนี้ลง ใน ไทยคอมิก ฉบับที่ 31 ปี 2537 รวมความยาวได้ 25 ตอน

โดย งานการ์ตูนชุดนี้ คุณ สำราญ ได้นำเอาแนวทางของนิยายภาพ(รวมถึงละครไทย)แนวจักรๆวงศ์ๆ มาผสมผสานเข้ากับการเล่าเรื่องในแนวทางมังงะแอ็กชั่นสายหลัก(อาจจะรวมไปถึง หนังสัตว์ประหสาดเกรดบี ด้วย เพราะออกแบบแต่ละตัวได้น่ารักน่าชังเหลือเกิน ฮา) ผสมกับสไตล์ความเป็นตัวของเขาเอง จนกลายเป็นงานที่อ่านได้ลื่นไหลlสนุกเพลินๆพอสมควรเลยทีเดียว เฮีย สำราญ (ขออนุญาตเรียก นะ ขอรับ) เป็นนักเขียนไทยร่วมสมัยที่มีสไตล์เป็นของตัวเอง และเหนียวแน่นมากคนนึง ชนิดที่เห็นปุ๊บก็รู้ปั๊บเลย ว่าเป็นการ์ตูนที่เขาวาด

แต่ คุณ สำราญ ก็จัดเป็นนักเขียนไทยที่มีสไตล์ เป็นของตนเองคนนึง ผลงานของเขาที่มีลงใน ไทยคอมิก ก็ยังมีอีกหลายเรื่อง (ซึ่งจะค่อยๆเขียนถึงในโอกาสต่อๆไปละกันครับ)

บทความนี้นำมาจาก webbord ของ www.letcomic.com เมื่อปี คศ.2013ครับ เขียนโดย คุณ นิรวาณ คุระทอง ซึ่งกล่าวถึงผลงานในยุคบุกเบิกของผม SAMRAN JARUKULVANICH

ต้องขอขอบคุณเป็นอย่างสูงและขออณุญาติเผยแพร่นะคราบบบบบบบบบบบบบบ