ฎีกากระทู้แก้ต่างให้ กระสือ
วันที่โพสต์: 16/07/2016

จาก ฎีกากระทู้แก้ต่างให้ กระสือ-กระหัง


    เป็นเวลาหลายปีที่สื่อต่างๆได้นำ กระสือ-กระหัง มาหากินโดยบิดเบือนข้อเท็จจริงไปมาก มากจนเกินให้อภัยได้ ในวันนี้จึงขอนำข้อเท็จจริงของ กระสือ-กระหัง มาแจ้งให้ทราบโดยทั่วกัน


๑.กระสือ-อนึ่งพวกเขาเหล่านี้มิใช่ผี แต่เป็นกลุ่มสตรีที่ฝึกเรียนไสยศาสตร์สายลัด(พวกคุณไสยที่แพ้โน่นแพ้นี่นั่นแหละ เพราะเรียนไสยศาสตร์ไม่แพ้อะไรง่ายๆ)จนธาตุไฟเข้าแทรก คุณไสยกัดกินภายใน กระสือทุกนางจะพก แหวนทองเหลืองเกลี้ยงเป็นแหวนอาคมที่บรรจุวิชาของตนไว้ ปกติอาจซ่อนแหวนไว้ แหวนนี้พวกนางจะสวมตอนแปลงร่าง ซึ่งเป็นในช่วงเวลาคืนพระจันทร์เต็มดวง(ซูเปอร์มูน) หากไม่แปลงร่างพวกนางจะทรมานเพราะธาตุไฟกำเริบ เหมือนโดนพิษไข้(ระหว่างเป็นกระสือ จะเป็นอีกบุคลิกหนึ่ง-๒บุคลิกแบบกอลั่มกับสมีโก จาก เดอะลอร์ดฯ) และมีข้อมูลเพิ่มเติมว่า กระสือนั้นผู้ชายก็เป็นได้แต่เท่าที่พบตามบันทึกและตำนานต่างๆดูจะมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น


    อาหารของพวกเขา คือสัตว์สดๆอย่างเดียวเท่านั้น! และเป็นการกินแก้กระษัยไม่ใช่อาหารหลัก ไม่ใช่กินของสกปรกโสโครกอย่างในภาพยนต์ เป็นคำสาปของตระกูล พวกนางต้องทรมานชั่วลูกหลาน เพราะลูกของพวกนางจะมีร่างกายอ่อนแอ เสี่ยงต่อการเสียชีวิต เหล่ากระสือจึงต้องมอบแหวนอาคมไว้ช่วยเยียวยา และถ่ายทอดทายาทผ่านเชื้อในน้ำลาย(หากหาทายาทสายตรงไม่ได้ จะใช้วิธีกินรกเด็ก เพื่อจองตัวเด็กเจ้าของรก-คล้ายๆยายวรนาถ) สืบทอดทายาท(พินัยกรรมปิศาจ)โดยใช้แหวนทองเหลืองเกลี้ยง โดยแหวนมีอานุภาพทำให้คนเป็นผีกระสือไม่ยอมตาย แม้จะเจ็บป่วยแก่เฒ่า นอนจนหลังเปื่อยติดเสื่อ ก็ยังไม่ขาดใจตาย จนกว่าลูกหลานจะมาถอดแหวนไป แล้วผีกระสือจะเข้าไปอยู่คนถอดโดยอัตโนมัติ กระสือมีแค่ หัว และส่วนคล้ายลำคอที่ยืดยาวจนหลุดออกจากร่าง มองไกลๆจึงดูคล้ายกับขดไส้ลอยไปมา แต่แท้จริง กระสือ คือ กลุ่มเดียวกับ สิ่งที่ญี่ปุ่นเรียกว่า ผีคอยาว(rokurokubi) รึถ้าว่ากันให้ลึก ก็คือ Nukekubi


   การถอดศีรษะออกหากินนั้นจะเกิดขึ้นในช่วงที่เป็นภวังค์รึสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นคล้ายอาการละเมอ ในภาพเขียนrokurokubiยุคโบราณนั้น เหล่าrokurokubiมักจะอยู่ในท่าหลับรึถือกล้องยาสูบอยู่ในมือด้วยอาการท่าทางสลึมสลือ(ใช้กล้องยาสูบเพื่อเป็นส่วนประกอบในการกล่อมประสาทในระดับอ่อนๆเพื่อให้เข้าสู่ระดับภวังค์ลึกพอที่จะทำให้ตนถอดศีรษะได้)


กระสือชอบกิน รกเด็กมากกว่า คล้ายการกินยาอายุวัฒนะของเซียนจีน เพราะรกนั้น มีคุณสมบัติในการทำให้อ่อนเยาว์ยืดอายุขัย แบบการสังเคราะห์สเตมเซลล์เอาไปทำยาต่างๆในปัจจุบัน


Atthanij Pokkasap ในปรัมปรายาแผนจีนหลายตำรับ...นักบวชเต๋า ผ่าครรภ์เอาทารกมาปรุงยาอาวุวัฒนะ เมื่อสาวไป มีการป้อนสมุนไพรตามสูตรผ่านมารดาทารกแล้ว จนได้เวลาที่ทารกเป็นยา..ก็ผ่า(ฆ่าแม่ทิ้ง) สูตรยาแบบนี้มีในปรัมปราของจีนเยอะแยะ...เป็นเหตุให้เกิดพื้นที่ว่างในสังคม...ทำให้พระพุทธศาสนา และ ศาสนามนิคี เข้าไปประดิษฐานได้...

22 ชม. · เลิกถูกใจ ·  2


    เนื่องจากกระสือไม่ได้ยกทั้งเครื่องในออกจากร่างไปหากิน วิธีการกินของกระสือจึงไม่สมควรเป็นการกลืนกินสิ่งมีชีวิต เพราะมีหลายกรณีที่กระสือใช้สายไส้(ส่วนที่ยืดออกจากใต้ศีรษะบริเวณคอไม่ใช่ลำไส้!)ตวัดจับนก ค้างคาว รึสัตว์เล็กๆที่ทั้งบินได้และไม่ได้มาเคี้ยวกิน แต่จะไม่มีการกลืนซากของสัตว์เหล่านั้น เพราะกระสือไม่สามารถย่อยซากสัตว์ใดๆได้(เพราะไม่มีเครื่องในลำไส้กระเพาะติดมาด้วย) กระสือจะเคี้ยวซากเหล่านั้นเป็นเวลานาน(อาจหลายชั่วโมง)เพื่อดูดซึมของเหลวในซากนั้นผ่านการเคี้ยว เมื่อซากนั้นจืดหมดของเหลวแล้วกระสือจะคายทิ้งไป ซึ่งสภาพของซากนั้นก็คงละเอียดจนแยกไม่ออกว่าคืออะไร ต่อให้คนมาเจอเข้าก็คงไม่รู้อยู่ดี ฉะนั้นทางเราจึงได้ข้อสรุปจากพี่ปู่ฯว่า ซากที่กระสือเคี้ยวจนจืดและคายทิ้งแล้วนั้น สมควรเรียกว่า"หมากกระสือ"


    อนึ่ง กระสือดูจะไม่ใช่สิ่งน่ากลัวสำหรับคนโบราณนัก ดูได้จากการที่ไม่มีบันทึกถึงวิชาที่ใช้กำจัดกระสือเลย ไม่ว่าจะเป็นในสาขาของไสยศาสตร์รึสาขาของศาสตร์อื่นๆ ในสมัยโบราณนั้นจะมีก็เพียงวิธีป้องกันอย่างง่ายๆเท่านั้น คือ การใช้ไม้หนามรึไม้ที่มีลักษณะคมอย่างอย่างซีกไผ่ที่สามารถใช้เกี่ยวและบาดได้เท่านั้น(นัยยะของของสาเหตุที่ต้องใช้ไม้แหลมคมในการป้องกันกระสือนั้นไม่สมควรเป็นการใช้เพื่อให้ความแหลมคมจากไม้นั้นเกี่ยวตามไส้กระสือ เพราะมันไม่ใช่ลำไส้ แต่ควรใช้เพื่อให้ส่วนแหลมคมของไม้นั้นเกี่ยวตามใบหน้าและเส้นผมของผู้เป็นกระสือจนเกิดบาดแผล ส่วนหนึ่งอาจด้วยต้องการให้ผู้เป็นกระสือบาดเจ็บจนรู้สึกตัวตื่นจะได้กลับเข้าร่างไปไม่มาทำร้ายสัตว์เลี้ยง และอีกส่วนหนึ่งคือ หากใบหน้าของกระสือเกิดบาดแผลขึ้นมาชาวบ้านก็จะรู้ทันทีว่าใครเป็นกระสือ กระสือจึงกลัวไม้แหลมคมเพราะไม่อยากจะถูกจับได้ ไม่ใช่ว่ากลัวไม้มันเกี่ยวตามไส้อย่างที่เข้าใจผิดตามๆกันมาหลายสิบปี)


    สิ่งที่ชาวบ้านสมัยโบราณโน้นมีต่อกระสือจริงๆ น่าจะเป็นความรำคาญซะมากกว่า เพราะกระสือมักจะทำร้ายและกินสัตว์เลี้ยงของชาวบ้านโดยเฉพาะสัตว์ปีก เช่น ไก่ ฉะนั้นสำหรับชาวบ้านสมัยโบราณโน้นแล้ว น่าจะมองว่า กระสือเป็นศัตรูต่อปศุสัตว์ ใกล้เคียงกับสัตว์ป่าหลายชนิดที่ชอบเข้ามาขโมยสัตว์เลี้ยงชาวบ้านกินมากกว่า แล้วกระสือเองก็ไม่ได้ดุร้ายน่ากลัวถึงขั้นที่ว่าต้องกำจัดฆ่ากันให้ตายไปเลยด้วยเพราะกระสือไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้น ชาวบ้านจึงใช้เพียงวิธีเรียบง่ายแต่ได้ผลดีอย่างอย่างการใช้ไม้แหลมคมในการป้องกันเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องใช้คาถาอาคมรึอาวุธใดๆในการป้องกัน


อะไรคือไส้กระสือ?


(ลักษณะการลอยแบบขดของกระสือ)


    อย่างที่แจ้งแล้วว่า ไส้ของกระสือนั้นแท้จริงแล้วไม่ใช่ลำไส้ แต่จะเป็นอะไรนั้นคงยังไม่อาจชี้ชัดได้ แต่สันนิษฐานคร่าวๆได้ว่า น่าจะเป็นสิ่งที่อยู่ก้ำกึ่งระหว่างสถานะของสสารและพลังงาน คือ เป็นส่วนที่จะไม่ปรากฏเมื่ออยู่ในร่างของมนุษย์ แต่เมื่อถอดศีรษะเส้นสายในส่วนนี้จะปรากฏขึ้นให้เห็นคล้ายกับเป็นพลังงานที่รวมตัวกันก่อรูปขึ้นมา แต่พลังงานนี้ก็มีมวลเหมือนสสารหนาแน่นมากพอจนทำให้กระสือสามารถใช้เส้นสายส่วนนี้ในการหยิบจับวัตถุได้ ตั้งแต่สัตว์ตัวเล็กๆไปจนถึงมนุษย์(ในภาพเขียนเรื่องการหลอกหลอนของrokurokubiยุคโบราณ)และเนื่องจากเส้นสายส่วนนี้สร้างขึ้นจากพลังงาน เส้นสายในส่วนนี้จึงมีแสงสว่างในตนเองได้เป็นที่มาของดวงไฟกระสือ


อนึ่ง ไส้ของกระสือนี้มีความหมาย ๒ นัยยะรวมกัน คือ


๑.มาจากการที่ส่วนนี้มีลักษณะเป็นเส้นสายคล้ายกับเชือกและส่องแสงได้ จึงดูคล้ายกับคุณสมบัติของไส้เทียน(ที่เป็นเชือก)

๒.มาจากลักษณะในการเคลื่อนไหวในอากาศ ซึ่งมีลักษณะขดไปขดมาคล้ายกับการเลื้อยของงู มองเผินๆจึงดูคล้ายกับขดของลำไส้


เมื่อเล่ากันปากต่อปากผ่านกาลเวลามาเรื่อยๆ ความเข้าใจจึงเกิดการคลาดเคลื่อน เส้นสายพลังงานในส่วนนี้จึงกลายเป็นลำไส้ไปแทน และวงการภาพยนตร์ก็นำมาขยายความตามนั้นจนกลายเป็นความเชื่อตามๆกันมาอย่างผิดๆว่ากระสือออกหากินลอยไปลอยมาพร้อมกับแบกลำไส้ไปด้วยในที่สุด


(รูปแบบขั้นตอนการถอดศีรษะของกระสือ)



(Nukekubi สังเกตบริเวณคอให้ดี จะเห็นว่า มีสายเล็กๆไม่ยาวมากอยู่ จุดนี้เองที่ต่อมาพัฒนาตามสายวิชาจนยาวใหญ่คล้ายลำไส้ของกระสือไทย)



(การเคลื่อนไหวของกระสือ)


ข้อสรุปเรื่องน้ำลายของกระสือ

ข้อมูลคร่าวๆของ ปีศาจทิ้งร่าง

รวมตำนานผีถอดร่าง(ผลข้างเคียงจากการฝึกไสยเวทย์ดำสายลัด)

บล็อกที่น่าจะชอบ

24/04/2017
Blog นี้เอาใจสาวๆ ที่ชอบหนุ่มๆ สายรับ (เอ๊ะ) หมายถึงหนุ่มๆ หน้าแบ๊วแป๊วแว้ว น่าเลี้ยง (เอ๊ะ !!!) หมายถึง “หนุ่มเคะ” น่ารัก น่าดูแลนี่แหละ สำหรับคนที่ยังงงๆ หรือสับสนกับคำว่า เคะ เมะ อธิบายสั้นง่าย ได้ใจความแบบนี้ละกันว่า攻める (semeru) = โจมตี (รุก) >>> เซเม
02/02/2017
เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่แอดชอบมากถึงม้ากกกที่สุด ของ SanomSai Products ( https://www.facebook.com/brush.soap) ที่จับเอาเหล่าดปรแกรมคอมทั่วๆ ไปที่หลายคนน่าจะรู้จักกันดี มาวาดใหม่ตามจิตนาการของตัวเอง กลายเป็นสาวๆ ที่มีสไตล์ตามลักษณะการใช้งาน เช่นMicrosoft Offi
03/10/2015
หมายเหตุ ใครที่เคยอ่านไปแล้ว อยากให้ดูในส่วนที่ปรับปรุงเนื้อหาครับเพราะว่าก่อนหน้านี้ผมได้ให้ข้อมูลซึ่งผิดพลาดไปนิดหน่อยส่วนที่แก้ไข จะอยู่ช่วงกลางๆของบล็อคครับ ลองเลื่อนๆดูตรงที่มีขีดฆ่านะครับผมเคยทำแจกไว้นานแล้ว เอามาจากกันอีกทีครับ นี่คือหน้าตาของกระดา
13/02/2017
คิดว่าไม่มีใครที่เห็น Blog นี้แล้วไม่รู้จักคุณ Syd Weiler, Illustr-animator (https://www.facebook.com/sydweiler/?fref=ts) นักวาดสาวคนสวยผู้ให้กำเนิดสติ๊กเกอร์ นกม่วงจอมเกรียน “TRASH DOVES” ที่ HOT ถล่ม Facebook ในตอนนี้อยู่ล่ะเนอะ 5555ด้วยความที่คนวาดก็น่
ส่ง
ความคิดเห็น ()