ลักษณะของ กุมภัณฑ์(Kumbhanda)
วันที่โพสต์: 29/09/2020

จาก ลักษณะของ กุมภัณฑ์(Kumbhanda)


 

ข้อมูลที่มีอยู่ตามนิทานพื้นบ้านและวรรณคดีมีการเหมารวมเรียกกุมภัณฑ์และยักษ์ปะปนจนทำให้คนในชั้นหลัง มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนคิดว่ากุมภัณฑ์และยักษ์นั้นคือพวกเดียวกัน เช่นเดียวกับกรณีที่มีความเข้าใจมักง่ายสับสนเลอะเทอะว่า ยักษ์ก็คืออสูร(ซึ่งความจริงจากบันทึกทางพระพุทธศาสนานั้น ยักษ์กับอสูร ไม่มีความเกี่ยวข้องกันเลยแม้แต่น้อย) ซึ่งหากให้ท้าวความถึงความสับสนเรื่องกุมภัณฑ์และยักษ์ในนิทานพื้นบ้านและวรรณคดีนี้ คงต้องย้อนกลับไปถึงมหากาพย์วรรณคดีต้นตำรับของนิทานพื้นบ้านและวรรณคดีในยุคต่อๆมา คือ รามเกียรติ์

ในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์นี้ มีการนำคำว่า กุมภัณฑ์ และ ยักษ์ มาใช้เป็นสรรพนามเรียกชาวลงและพันธมิตร(รวมถึงคำว่า รากษส และ มาร ด้วย) ซึ่งการที่รามเกียรติ์ระบุให้ใช้คำสรรพนามที่หลากหลายเรียกแทนตัวชาวลงกาและพันธมิตรนี้ เป็นเพราะว่า แท้จริงนั้น สงครามระหว่างพระรามกับชาวลงกาและพันธมิตรนี้ หาใช่สงครามระหว่างมนุษย์กับอมนุษย์เขี้ยวโง้งแต่อย่างใด แต่เป็นสงครามอารยธรรมระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน โดยมีการแย่งชิงพระแม่องค์ธรรม(นางสีดา)เพื่อนำไปพัฒนาอารยธรรมในสังคมของพวกตนเป็นเป้าหมายสูงสุดต่างหาก ในเรื่องของนางสีดาในฐานะของ”พระแม่องค์ธรรม”นี้ มีรายละเอียดวิเคราะห์ขยายความรวมไว้แล้วในบทความ ชื่อ

วิเคราะห์ต้นกำเนิดองค์ความรู้ต่างๆในรามเกียรติ์(เกียรติแห่งราม)

ดังนั้น การใช้คำว่า กุมภัณฑ์ ยักษ์ รากษส มาร เป็นคำสรรพนามเรียกรวมชาวลงกาและพันธมิตรในรามเกียรติ์นี้ จึงต้องขอยกไว้ในฐานที่เข้าใจตามข้อมูลข้างต้นนี้แต่โดยดี ซึ่งหลังจาก วรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ได้เป็นที่แพร่หลายในยุคสมัยนั้นแล้ว นิทานพื้นบ้านและวรรณคดีในยุคต่อๆมาจึงนิยมใช้คำว่า กุมภัณฑ์ ยักษ์ รากษส มาร เรียกผสมปะปนกันตามมาด้วย จึงนับเป็นหลักฐานยืนยันได้อีกเรื่องหนึ่งว่า นิทานพื้นบ้านและวรรณคดีทั้งหลาย“เกิดขึ้นหลังรามเกียรติ์ ต้นรัตนโกสินทร์ทั้งหมด”ด้วยเช่นกัน

เมื่อได้ปรับความเข้าใจพื้นฐานกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ ขอวกกลับเข้าเรื่องของ กุมภัณฑ์ กันต่อ

ตามข้อมูลในบันทึกทางพระพุทธศาสนา กุมภัณฑ์ คือ เทวดากลุ่มหนึ่งของสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา อาศัยอยู่ทางทิศใต้ของเขาพระสุเมรุ ลักษณะทางกายภาพภายนอกโดยทั่วไปของกุมภัณฑ์นั้นมีลักษณะคล้ายกับยักษ์ซึ่งเป็นชาวจาตุมหาราชิกาที่อาศัยอยู่ทางทิศเหนือของเขาพระสุเมรุ แต่จะมีข้อแตกต่างกันอยู่ในบางประการ ซึ่งสามารถพิจารณาได้จากความหมายของชื่อกุมภัณฑ์นี้เอง

คำว่า กุมภัณฑ์ มาจากพื้นฐานคำศัพท์ของคำว่า กุมภ(หม้อ) + อัณฑะ(ไข่) หมายถึง ผู้มีอัณฑะ(ไข่)ขนาดเท่าหม้อ ในด้านการออกแบบ งานจิตรกรรมของสยามได้ออกแบบให้กุมภัณฑ์กับยักษ์มีท่ายืนที่แตกต่างกัน คือ

ยักษ์ จะยืนในลักษณะปกติ คือท่ายืนตรง หรืออาจแยกขาออกเล็กน้อยในลักษณะของการย่อตัวโก่งขา

กุมภัณฑ์ จะยืนในลักษณะถ่างขาออกมากว่าปกติ รึก็คือการยืนแบบท่าฝึกถีบเหลี่ยมซึ่งเป็นท่ายืนของตัวยักษ์และลิงในการแสดงโขนนั่นเอง

เรื่องบุพกรรมที่ทำให้มากำเนิดเป็นกุมภัณฑ์นั้น เมื่อลองเทียบเคียงกับ เปรตกุมภัณฑ์(อัณฑเภรีเปรต) ซึ่งระบุว่าเมื่อครั้งเป็นมนุษย์เปรตนี้เคยดำรงตำแหน่งผู้พิพากษาตุลาการที่โกงกินจนเป็นสันดาน และด้วยเหตุเกิดเพราะทรัพย์นี้เอง จึงทำให้กลายเป็นเปรตที่มีวิบากกรรมอัณฑะใหญ่โตมากจนต้องเดินลากเดินแบก

ดังนั้นในกรณีของกุมภัณฑ์จริงๆที่ไม่ใช่เปรต ก็น่าจะอนุมานได้ว่ามีวิบากกรรมคล้ายคลึงกัน แต่ครั้งเป็นมนุษย์น่าจะเป็นพวกขาวัดสายบุญที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบพอตัว แต่ดันมีนิสัยหวง"ภัณฑะ"ต่างๆภายในวัดวาอาราม(ศาสนสถานต่างๆ)และน่าจะมีอารมณ์ร้ายด้วยเวลาที่มีใครๆไปแตะต้องภัณฑะต่างๆที่ตัวเองหวงเอาไว้ ผลบุญกับเศษกรรมเลยส่งมาคู่กันจนทำให้เกิดเป็นกุมภัณฑ์ ยักษ์ขี้หงุดหงิดที่มีอัณฑะโตเท่าหม้อ ทิพยกายอารมณ์ร้ายแห่งจตุมหาราชิกาทิศใต้ ส่วนกุมภัณฑ์ฝ่ายหญิงก็อนุมานได้ว่าน่าจะประมาณนางยักษ์นมยานใหญ่โตจนผิดธรรมชาติ พวกนี้เลยต้องยืนขาโก่งๆถ่างๆเหมือนถีบเหลี่ยมเพราะมันหนักจนยืนตรงๆไม่ได้

แต่เนื่องจากลักษณะของกุมภัณฑ์นั้นค่อนข้างติดเรต ในงานจิตรกรรมโบราณของสยามจึงไม่ได้ระบุจุดเด่นของกุมภัณฑ์ในข้อนี้ลงไปด้วย คงเหลือไว้แต่ลักษณะท่ายืนที่ต้องย่อตัวถ่างขาออกจนเกือบจะตั้งฉาก(เพราะมันหนัก) แต่ขณะเดียวกันในประเทศญี่ปุ่นซึ่งศาสนาพุทธได้เข้าไปวางรากฐานให้สังคมทุกระดับชั้นไว้แล้วนั้น เราสามารถพบจุดเด่นของกุมภัณฑ์ถูกถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว สนุกสนาน ไม่เขอะเขินอุจาดตา ในรูปของตัว“ทานูกิ(Tanuki)” ในงานศิลป์ของญี่ปุ่นเราจะพบว่า ตัวทานูกินอกจากสามารถแปลงกายได้แล้ว(ว่ากันว่าทานูกิถนัดแปลงกายเป็นวัตถุมากกว่าสิ่งมีชีวิต)ยังสามารถใช้อัณฑะของตนแผลงฤทธิ์แสดงอภินิหารและใช้ประโยชน์ได้อีกด้วย เนื่องจากจุดเด่นของทานูกิ คือ มีอัณฑะขนาดใหญ่เช่นเดียวกับกุมภัณฑ์(เผลอๆจะใหญ่กว่าด้วย) และทานูกิมีความสามารถในการยืดขยายย่อส่วนและแปลงสภาพหนังอัณฑะของตนเป็นสิ่งต่างๆได้(แม้ว่าจะมีอยู่หลายภาพที่อุตส่าห์ปลอมอย่างดีแต่ก็ไม่เนียนก็ตาม)

ภาพจาก http://www.inarivzw.be/culture/monster-week-tanuki-%E7%8B%B8/

(รูปบน)พี่แกใช้งานซะคุ้มเลย

 

ภาพจาก http://tanukimistress.tumblr.com/

(รูปบน)...

 

ภาพจาก https://hyakumonogatari.com/category/tanuki-stories/

(รูปบน)จะว่าใช้งานได้เข้าท่ามั้ย มันก็...

 

ภาพจาก http://www.printsofjapan.com/Toyokuni_III_Takao_diptych.htm

(รูปบน)ไม่เนียนนะ แต่มองผ่านๆก็โอเค

 

รูปจาก https://mrpsmythopedia.wikispaces.com/Tanuki?responseToken=0a96ac620fe2d0207f044f5c28ee8c9ed

(รูปบน)จัดชุดใหญ่

 

ภาพจาก https://scentbase.com/desc.php?id=201204042212238078

(รูปบน)สนุกสนานกันน่าดู

 

ภาพจาก http://imgur.com/gallery/jhoGE

(รูปบน)...

 

เมื่อผนวกข้อมูลของกุมภัณฑ์กับทานูกิเข้าด้วยกันแล้ว จึงพออนุมานได้ว่า กุมภัณฑ์นั้นสามารถใช้ฤทธิ์ของตนผ่านทางอัณฑะได้เช่นเดียวกับพวกทานูกินั่นเอง

(รูปบน) กุมภัณฑนิรมิตาปูชา(วาดเล่นๆ)


อนึ่ง เมื่อพิจารณาจากลักษณะของชื่อและกายภาพของกุมภัณฑ์แล้ว กุมภัณฑ์ที่ทำงานรับใช้ท้าวเวสสุวัณ ที่เรียกว่า รากษส น่าจะนิยมอยู่ในแผนกขนน้ำมากที่สุด(รากษส ประเภท ผีเสื้อน้ำ) เพราะเมื่ออยู่ในน้ำแล้วมันจะบังตัวท่อนล่างได้มิดชิดสุดๆ ไม่มีใครเห็นแน่นอน(ถ้าไม่ขึ้นจากน้ำมาซะเอง)

ข้อมูลเกี่ยวกับรากษส

ข้อมูลเรื่องสิทธิ์ ฤทธิ์ อำนาจ ของยักษ์(รวมถึงอมุษย์มีเขี้ยวสากลอื่นๆทั้งเอเชียและยุโรป)และอมนุษย์ชาวจาตุมหาราชิกาทั่วไป

เนื่องจากลักษณะท่ายืนแบบถ่างขาของกุมภัณฑ์ในงานจิตรกรรมสยามโบราณ เป็นเพียงจุดสังเกตเดียวที่ทำให้กุมภัณฑ์ดูแตกต่างกับยักษ์ ทำให้ผู้ที่ไม่ทราบความแตกต่างในยุคหลังต่อๆมาเข้าใจคลาดเคลื่อนนำกุมภัณฑ์ไปจำสับสนปนกับยักษ์ไปเสีย

อนึ่ง เนื่องจากมีบางชนชาติออกแบบรูปลักษณ์ของกุมภัณฑ์ให้มีศีรษะเป็นม้า จึงวิเคราะห์ได้ว่า พวกกุมภัณฑ์น่าจะมีมีรูปหน้าเรียวยาวคล้ายกับม้า รึที่ตามพระไตรปิฎกเรียกยักษ์กลุ่มหนึ่งว่า อัสสมุข และพวกนี้จะมีมนตร์ที่ทำให้พวกตนสามารถวิ่งได้เร็วอย่างลม ซึ่งดูเข้ากันดีกับพวกกุมภัณฑ์ที่ที่น่าจะเคลื่อนที่ได้ค่อนข้างช้าตามลักษณะทางกายภาพ มนตร์ที่ว่าจึงสามารถชดเชยข้อด้อยนี้ได้ และพวกนี้ยังรู้มนตร์วิเศษชื่อ จินดามณี ด้วยอานุภาพของมนตร์นี้จะทำให้สามารถติดตามรอยเท้าของผู้ที่หายไปแล้วได้ หากผู้นั้นหายตัวไปไม่เกิน ๑๒ ปีวิชานี้ย่อมช่วยหาตัวจนพบเจอ

ดังนั้นจึงพอจะสรุปแบบองค์รวมอย่างคร่าวๆว่า กุมภัณฑ์ คือ ยักษ์ที่มีรูปหน้าเรียวยาวคล้ายกับม้า(อัสสมุข) ฝ่ายชายจะมีอัณฑะใหญ่ยานเหมือนหม้อ ส่วนฝ่ายหญิงจะมีเต้าใหญ่ยานเหมือนหม้อ นั่นเอง

กุมภัณฑ์(Kumbhanda/ญี่ปุ่นเรียกว่า Kuhanda)

กุมภัณฑ์ชาย(๑)

 

กุมภัณฑ์ชาย(๒)

 

 

 

ประเภท: บันทึก, อื่นๆ

บล็อกที่น่าจะชอบ

30/04/2017
โดย PloyyPloyy_Iji : http://www.wecomics.in.th/illustrations/detail-page/34791ถ้าช่วงนี้เห็นเวป Ookbee Comics เต็มไปด้วยหนุ่มหน้าคม ผม(แอนด์ผิว) เค้ม เข้มเต๊มมมม ไปหมด ก็ขอให้รู้ไว้เลยว่า เขากำลังอยู่ในช่วง "พิตจี้ฟีเวอร์" น่ะเอง (งานดีเหลือเกิ๊นน ขุ่นแ
14/11/2017
ตอนเด็กๆหลายคนก็ต้องเคยคิดนู่นคิดนี้ จินตนาการบรรเจิดถึงระดับที่ว่าสิ่งที่อยู่ในหัวยิ่งใหญ่อลังการ แล้วก็ต้องถ่ายทอดมันออกมาเป็นภาพวาด (คิดถึงสีเทียนจังเลยแฮะ) อาจจะออกมาสวยงามบ้าง ดูเป็นงานเด็กๆบ้าง แต่ถ้ามีมือโปรมาช่วยสานต่อจินตนาการให้แบบจัดเต็มล่ะ?
30/10/2017
    หลายๆคงคงต้องใช้เวลาในแต่ละวันไปกับการเดินทาง ไปเรียนบ้าง ทำงานบ้าง หรือไม่ก็ไปเที่ยว แต่ก็รู้ๆกันว่าบางครั้งการเดินทางมันไม่ใช่เรื่องสนุกเลย ไหนจะรถติด รอรถก็นาน คนก็เยอะ เบียดกันอย่างกับปลากระป๋องอัดแน่น กว่าจะถึงที่หมาย ผมที่นั่งทำมาตั้งน
07/05/2018
แนะวิธีซื้อ OBC Coin ก่อนอื่นสายเปย์ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า OBC Coin คือ การติดเหรียญที่มีไว้เพื่อ เป็นกำลังใจ และแสดงถึงการสนับสนุนเจ้าของผลงานการ์ตูนในแต่ละเรื่องนั้นเอง แล้วก็อย่าตกใจโอดครวญไปว่า ทำยังไง ฉันซื้อเหรียญไม่เป็น วันนี้ Ookbee Comics
ส่ง
ความคิดเห็น ()