จาก ว่าด้วยการประทานพรและของวิเศษแก่เหล่ายักษ์ในรามเกียรติ์ ฉบับสยามรัฐ
ตามที่ปรากฏในเรื่องราวของรามเกียรติ์ฉบับสยามรัฐนั้น จะสังเกตได้ว่า เหล่ามหาเทพมักจะประทานพรแก่พวกยักษ์เป็นประจำ
"แต่" หากวิเคราะห์ลงไปในรายละเอียดแล้ว จะพบว่า เหล่ามหาเทพจะประทานพรและของวิเศษแก่ยักษ์ ๑ นายเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือ การประทานพรให้ในกรณีที่ยักษ์บางตนได้กระทำพิธีพลีบูชาอยู่เป็นประจำ รึ มีความซื่อตรงต่อหน้าที่การงานอย่างเสมอต้นเสมอปลายมาเป็นเวลาช้านาน เป็นต้น จนกระทั่งเบื้องบนเกิดความไว้วางใจและเมตตา จึงได้ประทานพรและของวิเศษต่างๆตามที่ยักษ์ตนนั้นๆต้องการ โดยหารู้ไม่ว่า เมื่อยักษ์เหล่านั้นได้รับพรและของวิเศษตามประสงค์แล้ว จะเริ่มออกลายนำอำนาจที่ได้มาไปใช้ใน"ทางที่มิชอบ" เที่ยวเบียดเบียนผู้อื่นเพื่อให้ได้ผลประโยชน์ส่วนตน
ดังนั้น จึงกล่าวได้ว่า เหล่ามหาเทพที่ประทานพรนั้นไม่มีเจตนาที่จะประทานพรพร่ำเพรื่อ หากแต่เป็นการ"หลวมตัว"ประทานพรและของวิเศษ มอบอำนาจให้คนผิด เพราะไม่คิดว่ายักษ์เหล่านั้นจะเป็นพวกสองหน้า บ้าอำนาจ มีเจตนาแอบแฝงอยู่
ครั้นจะริบพรและของวิเศษคืนก็ทำไม่ได้ เพราะจะกลายเป็นภาพของผู้ใหญ่ใช้อำนาจรังแกผู้น้อย ทำให้เกิดคำครหาได้
และที่สำคัญกว่านั้น คือ หากเหล่ามหาเทพผู้ประทานพรและของวิเศษให้เหล่ายักษ์เริ่มมีการเคลื่อนไหว เหล่ายักษ์ที่ได้รับทั้งพรและของวิเศษไปอาจรู้ตัวและเตรียมยุทธวิธีตอบโต้ทุกรูปแบบไว้รอท่า จนเกิดเป็นชนวนเหตุของมหาสงครามที่ลุกลามใหญ่โตบานปลายเกินขอบเขต และทำให้เกิดความเสียหายมากมายเกินความจำเป็นอีกด้วย
ดังนั้น เหล่ามหาเทพผู้ประทานพรและของวิเศษให้เหล่ายักษ์จึงทำได้เพียงคอยดูเชิงอยู่ห่างๆ และจำต้องใช้วิธีการส่งมอบอำนาจให้กับผู้ที่เหมาะสม อยู่ในระดับเดียวกัน เท่าเทียม เสมอพอๆกัน ไปจัดการกันเองด้วยวิธีที่เหมาะสมแทน เพื่อให้ยักษ์เหล่านั้นชะล่าใจและประมาท ไม่วู่วามไหวตัวทันเตรียมการใดๆเพื่อตอบโต้รับมือ
หากแบ่งรามเกียรติ์ฉบับสยามรัฐ ออกเป็น ๒ ยุค คือ ยุคต้นที่ทศกัณฐ์เริ่มขยายอำนาจอิทธิพล กับยุคปลายที่เกิดสงครามกับฝ่ายพระราม จะเห็นได้ว่า
ในยุคต้นนั้น ฝ่ายยักษ์จะได้รับทั้งพรและของวิเศษมหาประลัยมาก่ายกองจนนำไปใช้ขยายอิทธิพลแผ่อำนาจกันอย่างเอิกเกริกเฮฮาสนุกสนาน เพลิดเพลินกันอยู่นานหลายปี
(ตามบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่๑ ในครั้งที่ทศกัณฐ์ทำศึกกับพระรามจนสายคันศรของตนถูกศรพรหมมาศของพระรามยิงขาดนั้น ทศกัณฐ์ก็มีอายุราว "สามโกฏิปลาย" เข้าไปแล้ว ซึ่งศรของทศกัณฐ์ที่ถูกยิงสายขาดไปนี้ ทศกัณฐ์ใช้มาตั้งแต่ตัวเองอายุได้พันปี ซึ่งคาดว่า ตอนอายุพันปีนี้ คือช่วงแรกที่ทศกัณฐ์เริ่มแผ่ขยายอำนาจตัวเอง สรุปคร่าวๆ ทศกัณฐ์แผ่ขยายอิทธิพลการปกครองมาได้นานขนาดไหนก็ลองคิดกันดูละกัน)
และผลจากการใช้ของวิเศษอย่างสุรุ่ยสุร่ายพร่ำเพรื่อในการแผ่ขยายอิทธิพลการปกครองของตนเองและพวกพ้องนี้เอง ที่เป็นเหตุให้ของวิเศษทั้งหลายที่ได้รับมานานมากพาเสื่อมฤทธานุภาพจนหมด ทำให้ต้องนำมาทำพิธีชุบปลุกชาร์จพลังใหม่ให้กับของวิเศษต่างในยุคปลายเพื่อนำไปใช้ในสงครามกับฝ่ายพระรามนั่นเอง ซึ่งการทำพิธีปลุกของวิเศษเหล่านั้นโดยส่วนมากก็ไม่ค่อยสำเร็จ แต่หากปลุกสำเร็จก็ใช้เวลานานมากต้องทำพิธีกันหลายรอบ ทั้งนี้ เป็นเพราะเมื่อเหล่ายักษ์ขยายอิทธิพลการปกครองของตนไปได้จนพอใจแล้ว ก็พากันประมาทเลินเล่อ มัวแต่เสวยสุข จนละเลยของวิเศษที่ทำให้ตนเป็นใหญ่มาได้ เหล่าของวิเศษที่ถูกเก็บเข้ากรุอย่างละเลยทิ้งขว้างดองคาอยู่ในคลังแสงจนกลายเป็นโบราณวัตถุกันไปหมดแล้วจึงพากันทยอยเสื่อมฤทธานุภาพตามกาลเวลากันไปหมดนั่นเอง
และในยุคปลายนี้เอง ที่ฝ่ายยักษ์ต้องทำพิธีต่างๆกันเอง"ตามลำพัง" โดยไม่มีแม้แต่เงาของมหาเทพใดๆมาคอยประทานพรและของวิเศษอะไรให้อีกเลยโดยสิ้นเชิง เพราะเห็นลายมันออกมานานแล้วนั่นเอง
อนึ่ง สาเหตุที่ในสงครามกับพระราม ฝ่ายทศกัณฐ์ได้ทำการทำพิธีชุบของวิเศษทีละชิ้น แทนที่จะทำพิธีชุบครั้งละหลายๆชิ้นในคราวเดียวนั้น ก็เป็นเพราะว่า ของวิเศษแต่ละชิ้นถูกทิ้งไว้คาคลังแสงมาไม่ต่ำกว่าล้านปี การที่ทศกัณฐ์และบรรดาญาติมิตรยังอุตส่าห์นึกกันออกว่าตัวเองมีของวิเศษอะไรๆอยู่บ้างอยู่ ได้ครั้งละชิ้นๆนี่ก็นับว่าบุญโขมากแล้ว
ข้อมูลจะถูกนำออกทำให้ไม่สามารถอ่านได้อีกน่าเสียดายมากเลย
แน่ใจแล้วหรือที่ต้องการลบข้อมูลออก
หากยืนยันแล้วจะไม่สามารถกู้คืนมาได้อีกนะ!