"Apotoxin4869 และ Potassium Cyanide ศาสตร์แห่งยา 2 ชนิดที่ได้ยินบ่อยครั้งในอนิเมะ ยอดนักสืบจิ๋ว โคนัน"
ถ้าลองสังเกตดูก็จะรู้เลยว่าสารพิษ 2 ชนิดที่กำลังกล่าวถึงนี้คุ้นหูมากแค่ไหน สำหรับใครที่เป็นแฟนอนิเมะโคนันนั้นจะได้ยินบ่อยยิ่งกว่าชื่อ คุโด้ ชินอิจิ เสียอีก เนื่องจากชื่อเสียงของการตายและสาเหตุการตายนั้นมักเป็นปัจจัยหลักของเนื้อเรื่องนี้มากกว่าครึ่ง เรียกได้ว่าเป็นตัวการสำคัญในการดำเนินเรื่องเลยก็ว่าได้ แต่จะให้ลืมจุดเริ่มต้นของเรื่องเลยก็ว่าไม่ ดังนั้นเลยอยากหยิบเรื่องที่ว่าด้วยยา 2 ชนิดที่ได้ยินบ่อยในเรื่องมาพูดเสียหน่อย นั้นคือ Apotoxin4869 (อาโพท็อกซิน4869) และ Potassium Cyanide (โพแทสเซียมไซยาไนด์)
Apotoxin4869 (APTX4869) เป็นรหัสของยาที่อยู่ในขั้นทดลองที่ปรากฏในเห็นกันในอนิเมะเรื่องนี้ ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ตัวตนของ เอโดงาวะ โคนัน มีความหมาย ลักษณะเป็นเม็ดแคปซูล เป็นยาพิษที่ถูกคิดค้นขึ้นเพื่อทำให้ตาย โดยไม่มีร่องรอยของยาตกค้างภายในร่างกายและไม่สามารถชันสูตรหรือใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ตรวจพบ ทว่าจุดประสงค์ที่ผลิตยาชนิดนี้ขึ้นยังไม่ปรากฏแน่ชัดว่าใช้เพื่อสังหารคนอย่างเดียวหรือมีวิธีการใช้อย่างอื่น แต่ผลจากการผลิตที่ยังไม่สมบูรณ์แบบทำให้เกิดความผิดพลาดอย่างที่ปรากฏให้เห็นในเนื้อเรื่องหลัก
ผู้พัฒนายาชนิดนี้คือ มิยาโนะ ชิโฮะ หรือ ไฮบาระ ไอ โดยผู้คิดค้น และวิจัยคนแรกคือ มิยาโนะ อัทซึชิ และมิยาโนะ เอเลน่า พ่อแม่ของ มิยาโนะ อาเคมิ และ มิยาโนะ ชิโฮะ แต่ทั้งคู่ก็ได้เสียชีวิตขณะการทดลอง ต่อมา มิยาโนะ ชิโฮะซึ่งใช้โค้ดเนมในองค์กรว่า เชอรี่ ได้พัฒนาต่อ
Apotoxin4869 ในเนื้อเรื่องเป็นยาที่ใช้ในการกระตุ้นการทำงานที่ทำให้เกิดการทำลายตัวเองของเซลล์ นอกจากนี้ยายังมีตัวกระตุ้นทำให้เกิดที่ทำให้เกิดความสามารถในการเพิ่มจำนวนของเซลล์เร็วขึ้นด้วย ดังที่ยินเคยกล่าวไว้ในเรื่องว่า
“APTX4869 นี้ใช้เพื่อเป็นยาพิษในการฆ่าคนให้ถึงตายและยาตัวนี้จะไม่ตกค้างในศพ ไม่สามารถตรวจร่องรอยของการใช้ยานี้ได้ด้วย แต่ยา APTX4869 จะทำลายตัวเองของเซลล์ได้ก็ต่อเมื่อเซลล์อยู่สภาพไม่เป็นกลางเท่านั้น ทว่าถ้าผู้รับยาตัวนี้มีเซลล์ที่อยู่ในสภาพเป็นกลาง จะทำให้เกิดการทำลายตัวเองของเซลล์หยุดชะงัก ตัวอย่างเช่น ผู้รับยาตัวนี้จะกลับกลายเป็นเด็กอีกครั้ง โดยความทรงจำ และบุคลิกยังคงเดิม โดยบุคคลดังกรณีข้างต้นได้แก่ คุโด้ ชินอิจิ หรือ เอโดงาวะ โคนัน และ มิยาโนะ ชิโฮะ หรือ ไฮบาระ ไอ”
และมีการไขความหมายของยาด้วยว่า รหัสยา 4869 เป็นคำคล้องจากคำอ่านภาษาญี่ปุ่นของเชอร์ล็อก โฮมส์ ซึ่งคำว่า "เชอร์ล็อก" ในภาษาญี่ปุ่นอ่านว่า เชีย-รก-กุ คล้องกับตัวเลข 4 (ญี่ปุ่น: シ shi ?) , 8 (ญี่ปุ่น: ハチ hachi ?) , 6 (ญี่ปุ่น: ロック rokku ?) และ 9 (ญี่ปุ่น: キュ kyu ?)
มิยาโนะ ชิโฮะ เคยกล่าวไว้ว่าเธอไม่เคยคิดจะทำยาพิษ จึงน่าจะเป็นไปได้ว่ายา APTX4869 นั้นเดิมไม่ได้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อการฆ่าคน แต่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้ชุบชีวิตคนให้ฟื้นคืน โดยหลักฐานจากข้อมูลนี้คือเมื่อตอนที่ โคนัน ถาม ไฮบาระ ในหนังสือการ์ตูนเล่มที่ 38 ไฟล์ที่ 2-4 หรือการ์ตูนโทรทัศน์ตอนที่ 337-338 ตุ๊กตาฮินะกลางแสงสนธยา ว่ายาทีเธอวิจัยต่อจากคุณพ่อ คุณแม่ของเธอน่ะเป็นยาอะไรกันแน่ ไฮบาระก็ตอบกลับมาว่า ยาลึกลับ ที่ให้คนตายฟื้นขึ้นมาได้เท่านั้น ซึ่งเป็นความต้องการที่ต่างจากยินจากองค์กรต้องการ
โดยส่วนประกอบที่ค้นพบโดยบังเอิญทำให้กลับคืนสู่ร่างเดิม คือ เหล้าขาวจีนที่เป็นส่วนประกอบในการช่วยเพิ่มความเร็ว ในการเพิ่มจำนวนเซลล์เป็นทวีคูณบวกกับร่างกายในขณะนั้นจะต้องมีไข้เท่านั้น ฤทธิ์ยาถึงจะได้ผล แต่ก็ได้ผลเพียงชั่วคราวเท่านั้น หลังจากที่มิยาโนะ ชิโฮะ ได้ทราบถึงข้อมูลนี้ ก็ได้ทำการสกัดสารดังกล่าวจากเหล้าขาว และทำเป็นยาแก้พิษต้นแบบ ซึ่งยาต้นแบบนี้สามารถถอนพิษได้จริง แต่ก็เพียงชั่วขณะเท่านั้น แต่ก็ยังมีฤทธิ์นานกว่าการใช้เหล้าขาวโดยตรง ทว่าไม่ยังไม่สามารถคืนร่างเดิมได้ถาวรประกอบกับยิ่งทานบ่อย ยายิ่งไม่ได้ผล จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม ไฮบาระ ถึงห้ามไม่ให้ โคนัน กินยาบ่อยๆ เพราะ จะเริ่มดื้อยาและฤทธิ์ของยาจะไม่ส่งผลต่อร่างกายอีกต่อไป
“ ไซยาไนด์ “ ชื่อนี้คงจะคุ้นหูว่าเป็น “ ยาพิษ “ ที่มักใช้กินเพื่อฆ่าตัวตาย ขณะเดียวกันคนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เคยเห็นหน้าตาของไซยาไนด์เสียด้วยซ้ำไป
เหตุผลที่ไซยาไนด์มีบทบาทค่อนข้างบ่อยไม่น่าจะใช้เพราะเป็นสิ่งที่หาซื้อได้ง่าย แต่การจัดเตรียมทริคในห้องปิดตายต่างๆ อาจจะเป็นเรื่องยากกว่าการวางยา และสามารถทำตามบัญญัติ 10 ประการ ในการเขียนการ์ตูนสืบสวนสอบสวนได้สมเหตุสมผลที่สุด
ใช้ในการทำความสะอาดโลหะ การชุบโลหะด้วยไฟฟ้าใช้ในการสกัดแร่ทองและเงินออกจากสินแร่ ใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตสีย้อม ใช้เป็นสารกำจัดแมลง จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 มีลักษณะเป็นของแข็งสีขาว เป็นผงที่ละลายน้ำได้ มีกลิ่นคล้าย ๆ อัลมอนด์ แต่ก็เป็นกลิ่นที่จางมาก สามารถเข้าสู่ร่างกายคนได้จากหลายเส้นทาง ทั้งการสูดเอาก๊าซไซยาไนด์เข้าไป การกินไซยาไนด์ทั้งชนิดเม็ดและชนิดน้ำ ถ้าเป็นการกินเข้าไปขณะท้องว่าง ก็จะใช้เวลาออกฤทธิ์เป็นหน่วยนาที แต่ถ้าหากมีข้าวอยู่เต็มกระเพาะก็ยืดเวลาตายอีกหน่อย เป็นชั่วโมงแทน เพราะในกระเพาะเรามีกรดที่ใช้ในการย่อยอาหารอยู่ การกินเกลือไซยาไนด์เข้าไปขณะท้องว่าง ก็เหมือนการหย่อนลงในกรดนั่นเอง
อาการที่มีผลต่อร่างกายมีตั้งแต่ระดับเบาบางขึ้นไปจนถึงขั้นถึงแก่ชีวิตตามสัดส่วนที่ได้รับสารเข้าร่างกาย เริ่มตั้งแต่ กล้ามเนื้อล้า แขนขารู้สึกหนัก หายใจลำบาก ปวดหัว รู้สึกมึนๆ วิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน ลมหายใจมีกลิ่นอัลมอนด์จางๆ รู้สึกระคายเคืองคัน ๆ ที่จมูก คอ ปาก ไปจนถึง คลื่นไส้อาเจียนอย่างรุนแรงกว่า หายใจลำบากขนาดต้องอ้าปากพะงาบ ๆ งับอากาศ ชักดิ้นชักงอ หมดสติและเสีนชีวิต ดังนั้น จึงมีการประถาพยาบาลเบื้องต้นสำหรับช่วยเหลือผู้ที่ได้รับสารก่อนนำตัวส่งโรงพยาบาล โดย ถ้าเป็นการกินเข้าไปก็ต้องส่งเข้าโรงพยาบาลล้างท้องเร็วที่สุด ถ้าเป็นก๊าซไซยาไนด์ ก็ต้องพาออกไปให้พ้นจากบริเวณที่มีก๊าซให้เร็วที่สุด ถ้าเสื้อผ้าหรือผิวหนังเปื้อนสารไซยาไนด์ก็ให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และที่สำคัญคือคนช่วยต้องระวังตัวมาก ๆ อย่าสูดลมหายใจของผู้ป่วยเข้าไปเป็นอันขาด
"จิโอโซเดียมซัลเฟต เป็นน้ำยาฟอกขาวที่แพทย์มักใช้ล้างสีของน้ำยาฆ่าเชื้อ เป็นยาล้างสภาพความเป็นพิษของโปแตสเซียมไซยาไนด์ได้อีกด้วย"
สิ่งที่ได้ชื่อว่าเป็นยาอันตรายไม่มีทางที่จะหาซื้อได้ตามร้านสะดวกซื้อทั่วไปอยู่แล้ว ยาประเภทนี้จะต้องมีการได้ทะเบียนรับรองในการทำการค้า มีขายตามร้านเคมีภัณฑ์ แต่จะขายให้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัม เพราะ ถ้ามากกว่า 50 มิลลิกรัม มันสามารถนำไปฆ่าคนได้ เพราะไซยาไนด์เพียงแค่นิดเดียวจะทำให้คนถึงแก่ชีวิตได้ ถ้ารับมันเข้าไปในปริมาณ 200+ มิลลิกรัม ไม่ว่าจะเป็นชนิดแก๊ส ขอเหลว หรือของแข็ง จึงมีการจำกัดปริมาณในการค้าขาย
"ยาอันตรายควรศึกษาไว้เป็นความรู้ งดหาทางลองปฏิบัติจริงนะจ๊ะ"
ข้อมูลจะถูกนำออกทำให้ไม่สามารถอ่านได้อีกน่าเสียดายมากเลย
แน่ใจแล้วหรือที่ต้องการลบข้อมูลออก
หากยืนยันแล้วจะไม่สามารถกู้คืนมาได้อีกนะ!