วันที่ตัวเองจะต้องออกไปฝึกงานก็มาถึง เป็นการทำงานจริงๆครั้งแรกของชีวิต เมื่อเวลาใกล้เข้ามาทุกคนคงกังวลว่า เราจะทำได้มั้ยวะ? สารพัดจะมโน กลัวว่าจะโดนพี่ว่า กลัวทำงานไม่ได้ กลัวมีปัญหากับพี่ที่ทำงาน กลัวทุกอย่าง เราอยากบอกทุกคนว่า “หยุดกลัวได้แล้ว” มาสัมผัสของจริงเลยดีกว่า
เมื่อฉันเลือกที่ฝึกงาน
เราหาที่ฝึกงานจากความชอบของเรา นั่นก็คือ การเขียนและดูการ์ตูน แน่นอนว่าก็เริ่มหาที่ฝึกงานที่เกี่ยวกับการ์ตูน จนมาเจอ OOKBEE COMICS เป็นแผนกที่อยู่ในบริษัทของ OOKBEE U เปิดเข้าไปดูเว็บไซต์ของเขา ดูไปเรื่อยๆก็เห็นมีการ์ตูนน่าอ่านเยอะดี แต่ที่ไปสะดุดจริงๆคือ blog ที่ทางแอดมินเขียน “วายร้ายสุดหล่อ จนอยากขอเป็นพระเอก” หลังจากนั้นก็นั่งอ่านอีกหลาย blog เลย เราชอบไอเดียของพี่ๆที่เขาเขียน blog แต่ละเรื่อง งานนี้ก็ต้องไปขโมยวิชาสักหน่อย จึงส่งเรซูเม่ไปที่บริษัทนี้ ก่อนส่งมีไหว้พระนิดนึงแบบขอให้หนูได้เถอะ สาธุๆๆๆๆ (งานไสยศาสตร์ต้องมา)
ตอบกลับอีเมลภายใน 10 นาที!!!!!!!!!!
ตอนส่งอีเมลไปก็ลุ้นมาก ตรวจแล้วตรวจอีก พอกดส่งปุ๊ป กำลังจะลุกออกจากคอม สักแปป!! มีอีเมลตอบกลับ ก็คิดในใจอีเมลอะไรวะ ยัง ยังไม่เปิดดู ตอนนั้นก็ลีลาอะนึกว่าอีเมลอื่นก็เลยลุกไปข้างนอก แต่พอดูแจ้งเตือนอีเมลในโทรศัพท์เป็นชื่อ OOKBEE COMICS เท่านั้นแหละ ตาโตรีบวิ่งกลับมาที่คอมเลยจ้า พอเปิดดูตกใจยิ่งกว่าเดิม เพราะพี่เขาเรียกไปสัมภาษณ์ว่ะ เห้ยตกใจอยู่แปปนึง รีบวิ่งไปบอกแม่ แม่บอกไปตอบอีเมลกลับพี่เขาก่อนมะ 55555 เนี่ยส่งไปยังไม่ถึง 10 นาทีเลย พี่ๆเขาตอบไวมาก แต่บอกก่อนว่า เราเคยติดต่อพี่เขาไปในเพจแล้วว่าเราจะไปสมัครเป็นนักศึกษาฝึกงานฝ่ายคอนเทนต์ ตอนที่ได้อีเมลตอบกลับมาตกใจจริงๆ กลัวว่าพี่เขาจะไม่รับ เพราะเราไม่มีผลงานที่เกี่ยวกับการเขียนการ์ตูนเลยสักนิด แต่ก็ได้เรียกสัมภาษณ์แล้วไง เอาวะ ยังไงก็มาครึ่งทางแล้ว ตอนนั้นก็บอกตัวเองแบบนี้
ไปสัมภาษณ์งานกันเถอะ
สิ่งที่เตรียมไปก่อนไปสัมภาษณ์คือสติ เราเป็นคนขี้ตื่นเต้นมาก กลัวตัวเองพูดไม่รู้เรื่อง555 ก่อนวันไปเราก็เข้าไปอ่านข้อมูลของบริษัทและก็อ่านการ์ตูนในเว็บ ตอนนั้นเราอ่านเรื่อง Live or Not ตอนแรกกะอ่านไปเผื่อพี่เขาถามว่าเคยอ่านการ์ตูนอะไรในเว็บมั้ย ต่อไปที่เตรียมคือพอร์ตและก็ใบผลการเรียนของเรา นอกจากนี้ก็ดูเรื่องที่อยู่และการเดินทางไปบริษัทเพราะยังไม่เคยไป ก็เลยกะว่าจะเผื่อเวลาไปก่อนเวลาสัมภาษณ์ หกโมงเช้าตื่นมาอย่างไว (ถ้าชีวิตจริง 10 โมงยังไม่กระดิก) แต่พี่ๆเขานัดเราบ่ายสามไง ก็ถามตัวเองอยู่ว่าจะรีบตื่นทำไม รีบตื่นยังไม่พอรีบออกจากบ้านอีก ก็เลยมาถึงก่อนเวลาสัมภาษณ์ตั้ง 1 ชั่วโมงแหนะ 5555 กะมาดูสถานที่ก่อนไง จริงๆก็ลนนั่นแหละ ใจเต้นตึกตัก ขนาดมีเพื่อนมาด้วยนะ ไม่มีเพื่อนมาคงสติแตก
พี่เขาก็ลงมาเรียก เป็นพี่ผู้ชายด้วยนะ โอ้โหเกร็งเลยอะ คือไม่รู้ผู้หญิงส่วนใหญ่เป็นไหม พอเจอพี่ผู้ชายที่ดูน่าเกรงขามหน่อยจะแอบกลัวไปเองว่า พี่เขาจะโหดปะวะ ตอนนั้นในสมองก็คิดแบบนั้นแหละ ขึ้นไปห้องประชุมก็เจอพี่ผู้หญิงอีก 2 คน สรุปมีพี่ 3 คน สัมภาษณ์เรา ไม่เกร็งเลยใช่ไหม!!!!!!! ไม่เกร็งก็บ้าแล้ว!!! พี่เขาก็ให้เราแนะนำตัวก่อน ก็เริ่มถามว่ารู้จักที่นี่ได้ยังไง เราก็ตอบไปตามที่รู้จัก และก็ดูพอร์ตของเรา พี่เขาก็ถามว่ามีงานเขียนอะไรอีกไหม ถามบลาๆไปเลย บรรยากาศก็เริ่มผ่อนคลายลง เราเริ่มไม่ตื่นเต้น เริ่มพูดภาษาคนมากขึ้น สติเริ่มมา พี่เขาถามว่าอยากได้บรรยากาศทำงานแบบไหน เราในหัวเอาแบบสนุกๆอะ แต่ก็ตอบไม่ได้ ก็เลยตอบไปว่าชอบแบบเป็นกันเองอะไรประมาณนั้น พี่เขาถามต่อว่าเราเป็นคนยังไง นี่คิดนานมาก จะบอกว่าไม่รู้ว่าตัวเองเป็นคนยังไงก็ไม่ได้5555 เลยบอกไปว่าเป็นคนสบายๆ อดทน ขยัน เป็นความจริงทั้งหมด5555 เขาก็ยังถามต่ออีกนะว่าเคยโกรธใครแรงๆไหม เราก็เล่าไป ไม่อยากจะบอกเลยว่าพอออกมาจากสัมภาษณ์แล้วก็คิดว่าตัวเองเล่าไปทำไมวะ ไอ้บ้า คือหลังๆพี่เขาก็เริ่มถามอะไรที่เกี่ยวกับตัวเรา ถามแบบเป็นกันเอง มีแกล้งหยอกกันบ้าง อันนี้พี่ๆเขาตลก พี่ผู้ชายที่เราเกร็งอยู่นี่เลิกเกร็งไปเลย คำถามที่พีคโดนใจแบบทำอึ้ง น้องกินเหล้ากินเบียร์ไหม 5555 เออฟังไม่ผิดหรอก ถามแบบนี้จริงๆ เราก็ตอบไปตามความจริง กินค่ะพี่ 5555 หลังสัมภาษณ์เสร็จก็มีความเฮฮาเกิดขึ้น พี่เขาแกล้งอำเรา แล้วเป็นไง เราก็เชื่อย่างสนิทใจ จนพี่เขาต้องส่งข้อความมาบอกว่าพี่ล้อเล่น เนี่ยแหละจ๊ะการสัมภาษณ์เด็กฝึกงานของ OOKBEE COMICS สนุกสนานเป็นที่สุด
ไปฝึกงานวันแรกกันเถอะ
วันแรกก็ตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนไปสัมภาษณ์อีก เพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปทำงานอะไรบ้าง เข้ามาพี่ๆก็ให้นั่งรอ สักพักก็มีพี่หัวหน้าทีมของที่นี่มาพูดคุยกับเราว่าบรรยากาศทำงานจะเป็นประมาณไหน คือพี่เขาดูใจดีอยู่นะ แต่ที่เราแอบสังเกตตอนก่อนเข้าห้องประชุม ว่าชื่อห้องเป็นชื่อตามตัวละครสตาร์วอร์ 55555 พอเราเข้าไปในชั้นที่เราต้องทำงาน บรรยากาศดูน่ารัก พี่ก็น่ารักมากชวนเราคุย หายเกร็งไปอีกสเต็ป แล้วเราก็ได้งานจากพี่เลี้ยง คือการเขียนคอนเทนต์การ์ตูน ได้มางานแรกให้หานักร้องดาราเกาหลีที่มีคาแรคเตอร์คล้ายตัวละคร Live or Not งานนี้สายถนัดแน่ๆ ก็เป็นติ่งเกาหลี ในใจก็คิดแบบนี้ พอทำเข้าจริง โอโห้!!!!!!!ทำไมมันหายากจังวะ ตอนแรกก็เครียด พี่เขาก็มาช่วยแนะนำ งานแรกก็แก้หลายรอบ พี่ๆเขาพูดจาดี คอยบอกว่าเราผิดตรงไหนต้องแก้อะไร วันแรกสบายๆ
บรรยากาศของการทำงาน
พอผ่านวันแรกไป เราเริ่มได้รู้จักพี่ๆมากขึ้น ผ่านไปอาทิตย์สองอาทิตย์ก็เริ่มรู้งานว่าต้องทำอะไรบ้าง พี่เขาจะคอยมอบหมายงานให้ทำ ในออฟฟิศถ้าใครเครียดคิดงานไม่ออกก็สามารถเดินออกไปพักสักแปปนึงได้ คือเราว่าดี มันทำให้เราคิดงานได้ง่ายขึ้น อีกอย่างบรรยากาศในการทำงานก็สนุก พี่ๆเขาเป็นคนตลกจะชอบคุยกันเรื่องสนุกๆ บางครั้งพี่ๆก็มาแกล้งแหย่เราเล่น เป็นบรรยากาศการทำงานที่เฮฮามาก อีกนิดเดียวคือตลกคาเฟ่555555
สนุกตลอดเลยจริงดิ........? ตอบว่าส่วนใหญ่แล้วกันเพราะมันสนุกจริงๆ แต่ขึ้นชื่อว่าการทำงานมันก็มีเครียดบ้าง แบบคิดงานไม่ออกโว๊ย แก้งานเป็นสิบๆรอบก็มี งานเร่งก็มีบ้างแต่น้อย หน้าที่ของเราคือเขียนคอนเทนต์เกี่ยวกับการ์ตูน เราต้องคิดเรื่องเอง และหาตัวละครที่จะมาเขียนเอง และก็ทำรูปหน้าปกบทความไว้ลงในเฟสบุ๊ค แรกๆพี่เขาทำให้แต่หลังๆพี่เขาอยากให้เราทำเป็นเลยสอน บางทีเจองานที่ไม่ถนัดเลยทำไม่เป็นก็ต้องบอกตัวเองว่ามันคือการเรียนรู้ ความเครียดมันก็จะค่อยๆมา ยิ่งบางครั้งแก้งานเท่าไหร่ก็ไม่ผ่านจะโมโหตัวเองมาก และอีกอย่างคือเกรงใจพี่เขาด้วยต้องตรวจงานเราหลายรอบ ความกดดันส่วนใหญ่เราสร้างขึ้นมาเองจากความเกรงใจพี่เลี้ยง แต่พี่ไม่เคยดุเราเลยนะ พี่ๆเขาจะเช็คงานละเอียดมาก เขาถึงได้เห็นสิ่งที่เราผิด เขาให้คำแนะนำว่าควรทำยังไง อย่างงานที่ต้องใช้โฟโต้ชอปเราไม่ถนัดเรียกได้ว่าทำแทบไม่เป็น พี่เขาใจเย็นมากๆค่อยๆสอนเรา จนตอนนี้ทำเป็นแล้ว (เรื่องฝีมือก็ว่ากันอีกที5555) ทำงานที่นี่พี่เขาสอนเราเยอะมาก ทั้งการเขียนบทความให้สนุก หาไอเดียสำหรับงานเขียน วิธีการเล่าเรื่องให้ไม่น่าเบื่อ การตกแต่งรูปต่างๆ ได้เยอะจริงๆ เวลาผ่านไปเรื่อยๆกลับไปอ่านงานเก่าของตัวเองรู้เลยว่าตัวเองพัฒนาขึ้นมา(ไม่กล้าบอกว่าเยอะ) ที่อยากจะบอกอีกอย่างที่นี้มีงานให้เราออกไปนอกสถานที่ด้วย เราได้ออกไปตั้งหลายครั้ง ที่ชอบมากๆ เลิฟสุดๆ ก็ต้องเป็นดูหนังรอบสื่อ ดูฟรี ที่นั่งดี เราต้องดูหนังและไปเขียนรีวิวด้วย งานนี้สนุกใครชอบดูหนังบอกเลยว่าอย่าพลาด
มุมพักผ่อนแสนสบายอาหารอร่อยแถมเสบียงพร้อม
เป็นออฟฟิศที่รักพนักงานมากๆ มีจุดให้พนักงานได้พักผ่อนกันค่อนข้างเยอะ หรือแม้แต่บรรยากาศโต๊ะทำงานก็ยังดีเลย ไม่อุดอู้เลยสักนิด มีชั้นบนไว้ให้ขึ้นไปกินข้าวหรือนั่งเล่น ระเบียงไว้ให้ไปนั่งผ่อนคลาย มีโต๊ะปิงปอง ห้องเต้นออกกำลังกาย(อยากใช้มากเลยแต่ก็ยังไม่ได้ใช้555) ของเล่นสนุกๆอย่างบอร์ดเกมก็มี บอกเลยว่าพี่ๆเขาเล่นกันเซียนมาก เราจากไม่เคยเล่นตอนนี้ก็ติดอกติดใจอยากเล่นทุกวัน ต่อมาเรื่องปากท้องกันบ้าง ที่นี่มีข้าวกลางวันให้ฟรี นอกจากนี้ก็ยังมีนม น้ำอัดลม และมาม่า แน่นตู้ทุกวัน น้ำร้อนน้ำเย็นมีให้พร้อม สะดวกสบายพร้อมให้เราได้กินทุกเมื่อ บอกเลยอยู่ที่นี่น้ำหนักขึ้นมาหลายโล พี่ๆเขาเลี้ยงดี พาไปกินข้าวข้างนอกก็หลายครั้ง มีขนมมาให้กินบ่อยมาก เรียกได้ว่าอยู่ที่นี่ไม่มีอดอยาก5555555555
เพื่อนฝึกงานสุดเพี้ยน
เรามาฝึกงานคนเดียวไม่ได้มีเพื่อนมหาลัยเดียวกันเลย ตอนมาแรกๆก็กลัวว่าจะไม่มีเพื่อนเหมือนกัน แต่เราก็ค่อนข้างเข้ากับคนง่าย พอเจอเพื่อนๆที่ฝึกงานด้วยกันที่นี่บอกเลยว่า โคตรมัน เพื่อนๆเฮฮามาก พักกลางวัน นี่เม้ากันกระจายโดยเฉพาะเรื่องเกาหลี คุยกันได้ทุกวี่ทุกวัน เวลาแค่ 4 เดือนแต่สนิทกันเหมือนคบกันมา 4 ปี เพื่อนนิสัยดีและก็เป็นคนบ้าๆ แบบเราดี สรุปง่ายๆว่า เป็นกัลยาณมิตร
เล่าเยอะเลย ที่นี่มีแต่ความทรงจำดีๆ สมกับเป็นบริษัทเกี่ยวกับการ์ตูน พี่ๆทุกคนตลกมาก อีกอย่างพี่เขาใส่ใจและดูแลเราดีเหมือนพี่น้องกันแท้ๆ ถ้าจะให้บอกใครสักคนให้มาฝึกงาน เราก็อยากบอกว่าที่นี่แหละที่ควรมา ตลอด 4 เดือนที่อยู่ที่นี่มีแต่ความสุข ทำให้เวลาผ่านไปไวมาก เราเขียนบทความนี้ในอาทิตย์สุดท้ายของการฝึกงาน ตอนเขียนก็คิดถึงเรื่องเก่าๆที่ได้ทำที่นี้ ยิ้มตามไม่หยุด OOKBEE COMMICS เป็นที่ทำงานที่ดีสำหรับเรามากๆ
ทุกอย่างที่เราเล่ามาคือสิ่งที่เราเจอทั้งหมด และตอนนี้ก็กำลังจะต้องลาไปกับบรรยากาศเหล่านี้ บอกเลยว่าเราพูดความจริงทั้งหมดจากใจเรา เด็กฝึกงาน2018
ข้อมูลจะถูกนำออกทำให้ไม่สามารถอ่านได้อีกน่าเสียดายมากเลย
แน่ใจแล้วหรือที่ต้องการลบข้อมูลออก
หากยืนยันแล้วจะไม่สามารถกู้คืนมาได้อีกนะ!