โศกนาฏกรรมความรักชื่อดังอันเป็นบทประพันธ์ของนักประพันธ์ดัง วิลเลียม เชกสเปียร์ แต่งในปี ค.ศ. 1595 เป็นเรื่องราวความรักบนความขัดแย้งของตระกูลใหญ่สองตระกูล คือ ตระกูลมอนตะคิวและตระกูลคาปุเล็ต ในเมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ก่อนจะเป็นเรื่องราวความรักอันแสนหวานยากจะลืมเลือน
"กล่าวถึงสกุลสอง กิติศักดิ์เสมอกัน
อยู่รวม ณ ถิ่นบรรพะบุเรศเวโรนา
จากโทษะเก่าแก่ทุษะใหม่ก็เกิดมา
จนญาติวงศาคณะมิตระผิดใจ"
เรื่องราวของความรักอมตะนี้เกิดขึ้น ณ เมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี ได้มีสองตระกูลใหญ่ คือ ตระกูลคาปุเล็ตและมอนตาคิวซึ่งมีเรื่องขัดแย้งกันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษ ความรักหวานปมขมกลืนนั้นเริ่มด้วยโรเมโอบุตรแห่งมอนตาคิวได้แอบเข้าไปในงานเลี้ยงเต้นรำของตระกูลคาปุเล็ต และได้พบกับจูเลียต เพียงแค่ทั้งคู่สบตากัน ต่างก็ตกหลุมรักกันอย่าถอนตัวไม่ขึ้น ทว่ารักครั้งนี้ดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงเพราะความบาดหมางกันของตระกูลทั้งสองได้ โรเมโอกับจูเลียตจึงลักลอบแต่งงานกันอย่างลับ ๆ แต่เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นและเป็นการสร้างรอยร้าวของตระกูลให้มากยิ่งกว่าเดิม เมื่อเมอร์คิวชิโอเพื่อนรักของโรเมโอเกิดการทะเลาะกับญาติผู้พี่ของจูเลียตและพลาดท่าเสียดทีถูกสังหารจนเสียชีวิต โรเมโอโกรธมากจึงได้พลั้งมือฆ่าญาติของจูเลียต นั่นทำให้โรเมโอได้รับคำตัดสินถูกเนรเทศออกนอกเมืองตลอดกาล ฝ่ายจูเลียตต้องแต่งงานโดยที่เธอไม่ต้องการ จึงพยายามหาทางที่จะหลีกหนีงานแต่งงาน บาทหลวงจึงยื่นมือเข้าช่วยเนื่องจากเห็นแก่ความรักของหนุ่มสาวที่มีให้แก่กันหมอบยาวิเศษที่ทำให้หลับเหมือนสิ้นใจตายจากโลกนี้ไป หลังจากนั้นบาทหลวงก็ส่งม้าเร็วส่งสารถึงแผนการดังกล่าวแก่โรมิโอ แต่ไม่ทันกาล โรเมโอสวนทางกับคนส่งสาร ด้วยความเข้าใจผิดคิดว่าจูเลียตตายจริงๆ จึงเสียใจมากจึงดื่มยาพิษฆ่าตัวตาย โรเมโอสิ้นใจเพียงครู่เดียวจูเลียตก็ฟื้นขึ้นมา เห็นดังนี้นจึงใช้กริชของโรเมโอฆ่าตัวตายตามคนรักไป บิดามารดาและญาติทั้งสองตระกูลเสียใจมาก จึงเลิกวิวาทบาดหมางกันนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ด้วยปีกแห่งรักข้าจึงบินข้ามมา กำแพงศิลาไม่อาจห้ามรักได้
เนื่องจากเป็นความรักอมตะที่ถูกกล่าวขานกันไปทั่วโลกจึงมีการนำประพันธ์นี้มาสร้างเป็นผลงานในหลากหลายรูปแบบ และแปลบทประพันธ์เรื่องนี้กันอย่างแพร่หลาย
บทประพันธ์โรเมโอ จูเลียต ไม่ได้มีเพียงฝั่งยุโรปเท่านั้นที่นำมาแปลกเป็นอื่นเพื่อถ่ายทอดเรื่องราว แต่ไม่ว่าจะศิลปะแขนงไหนก็นำความรักสุดโรแมนติกที่นี้ทอดในรูปแบบของตนเองทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ ละครเวที ละครโทรทัศน์ นวนิยายแปล หรือแม้แต่อิเมะเองก็กล่าวถึงโศกนาฏกรรมความรักเศร้าเคล้าน้ำตานี้ทั้งสิ้น นั่นทำให้มีหลายคนตั้งคำถามเกี่ยวกับความรักของเขาและเธอในหลากรูปแบบเช่นกัน
ว่ากันว่า...น้ำผึ้งหวานถ้าไม่กินแต่พองามก็จะเป็นโทษต่อร่างกาย คงเปรียบได้กับความรักของโรเมโอ จูเลียตได้เป็นอย่างดี จุดจบของโศกนาฏกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นเพราะทั้งสองรักกันมากจนเกินไปเกินเผื่อใจไว้สำหรับความรักที่มีต่อตนเอง จึงก่อให้เกิดโศกนาฏกรรมอมตะขึ้น แม้อาจฟังดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่กับบทประพันธ์ความรักอมตะที่ช่างไม่เห็นกันบ่อยนักในยุคสมัยนี้ แต่ถ้าเป็นสมัยก่อนหน้าที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาท คงจะฟินและอินกับเรื่องราวความรักของทั้งคู่เป็นแน่ เนื่องด้วยในยุคที่การพบเจอกันของชายหญิงยังมีน้อยอีกทั้งการติดต่อสื่อสารยังลำบาก รักแรพบจริงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นรวดเร็วและมีความจริงใจต่อกันอย่างที่สุด ยากที่จะรักและยากที่จะสานสัมพันธ์ การพูดคุยที่ผ่านถ้อยคำเรียงร้อยผ่านตัวอักษรกว่าอีกฝ่ายจะรู้ความในใจคงต้องใช้เวลา ภาษาและการสื่อสานหอมหวานประหนึ่งดอกไม้งาม ภายในเรื่องต้นฉบับมักใช้ภาษาเป็นบทกลอนสวยงามสละสลวย อีกทั้งความโดดเด่นด้านหน้าตาและฐานะก็มากยิ่งกว่าใคร เพียงแค่สบตาต้องกันก็เป็นรักแรกพบได้แล้ว และเพียงได้พูดคุยก็น่าจะรับรู้ได้ว่าต่างฝ่ายต่างก็มีวามะศิลป์ ความรู้และฐานะมากพอที่จะฝากชีวิต จากการใช้ภาษาเหล่านั้นได้คล่องปากนับว่าเป็นบุคคลที่ได้รับการบ่มเพาะการศึกษามาพอสมควร ที่สำคัญทุกคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่าความโรแมนติกของเรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่เหตุผลที่จะรัก แต่พวกเขารักกันเพราะความรู้สึกบนเส้นทางแห่งอุปสรรคจริงๆ และพยายามทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ครองรักกันอย่างมีความสุข
ความรักไม่จำเป็นว่าต้องใช้เวลานาน ถ้าหัวใจบอกว่าใช่พวกเขาก็จะทะยานเข้าหากัน
เราไม่มีทางรู้เลยว่าแท้จริงแล้วความตายจะนำไปสู่ความรักนิรันดร์จริงหรือไม่ เพราะโลกหลังความตายคนเป็นไม่เคยสัมผัส จนทำให้คิดว่าการตัดสินใจที่ก่อให้เกิดความเข้าใจแบบนี้ถูกต้องจริงหรือไม่ เพราะในเนื้อเรื่องบาทหลวงคนที่เป็นอีกหนึ่งคนสำหรับในการตัดสินใจเรื่องนี้ เพียงแค่การวางแผนการที่ไม่ลอบคอบทำให้คนรักสองคนที่ต้องการใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ต้องจบชีวิตลงเพราะความเข้าใจผิด พวกเขาทั้งคู่ไม่ได้ปรารถนาหาความตาย ทว่าทางเส้นในความรักนั้นไม่มีอีกต่อไป แต่ในทางกลับกันก็มีหลายเสียงที่แย้งขึ้นมาเหมือนกันว่า “ไม่มีความจำเป็นต้องตายตาม” ในชีวิตจริง ชีวิตทุกชีวิตย่อมมีค่า ไม่ว่าใครก็ไม่ควรสังเวยชีวิตตัวเองเพื่อสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทว่าในบทประพันธ์นั้นคนที่รักกันมากแต่ไม่ได้อยู่ด้วยกันก็เหมือนตายทั้งเป็น อีกคนถูกเนรเทศ ส่วนอีกคนก็โดนบังคับให้แต่งงาน โดยญาติผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายไม่แม้แต่จะยอมฟังเหตุผล จวบจนกระทั่งหันมาคืนดีกันในวันที่ความรักถูกพิสูจน์แล้วว่า ทุกอย่างมันสายเกินไป
"นิซากะ ยูสุเกะ จาก Koi to Uso เคยกล่าวเอาไว้ว่า"
“โรเมโอกับจูเลียตเป็นเรื่องเก่าๆ เกี่ยวกับคนโง่สองคนที่ไม่สนเรื่องตำแหน่งทางสังคมและสิ่งรอบข้าง พวกเขาคนใจแค่รักและตายตามกนไปเท่านั้น”
ซึ่งก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งที่คนไม่ได้มีความรักล้นใจคิดกัน หรืออาจจะเป็นเสี้ยวความคิดหนึ่งของคนสมัยนี้ที่สามารถพบปะผู้คนมากมายได้โดยง่าย ด้วยฐานะทางสังคม ครอบครัวในความเห็นที่เห็นต่างจากนอกจากเรื่องความรักแล้วถือว่าเป็นอีกแนวคิดที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ถ้าลองเทียบกันกับความรักสมัยนี้ เรื่องราวเหล่านั้นกลับดูไร้เหตุผลเลยทีเดียว ความรู้สึกที่บางคนมองคือคนสองคนนั้นสักแต่ว่าจะรักกันโดยไม่สนใจฐานะ หรือพ่อแม่เลย ไม่มีการพยายามพิสูจน์ความรักแท้ให้ญาติผู้ใหญ่ได้เห็น เพียงแค่คิดง่ายๆ ว่าขอแค่ได้รักและอยู่ด้วยกันก็จบ
นี่จึงเป็นอีกหลายมุมมองหลังจากนำบทประพันธ์อมตะมาดัดแปลงให้เข้ากับการใช้งานและยุคสมัย
"แต่ไม่ว่าใครจะมองว่ายังไงเรื่องราวความรักนี้ก็ยังคงเป็นอมตะที่ให้งึคิดหลากหลายมุมอยู่ดี ไม่ว่าจะเพราะรักหรือเกลียด แต่ท้ายที่สุดแล้วการทะเลาะกัน การไม่ฟังเหตุผลซึ่งกันและกันก็ก่อเกิดผลเสียอยู่ดี แล้วคุณละ มองความรักครั้งนี้เป็นแบบไหน?"
ข้อมูลจะถูกนำออกทำให้ไม่สามารถอ่านได้อีกน่าเสียดายมากเลย
แน่ใจแล้วหรือที่ต้องการลบข้อมูลออก
หากยืนยันแล้วจะไม่สามารถกู้คืนมาได้อีกนะ!