ทำไมฝึกเท่าไหร่? ก็ไม่พัฒนาขึ้นเสียที
วันที่โพสต์: 30/01/2017
โดย: Nanshu29

เป็นประเด็นที่ถกกันไปมาว่าเกิดอะไรขึ้น... บางคนเกิดคำถามว่าทำไมคนนั้นเก่งจัง คนนี้เก่งจัง ทำไมตัวเราถึงไม่ทะยานขึ้นไปเสียที ไม่ขยับเลยฝีมืออยู่กับที่ จากที่สังเกตมาทั้งหมดไม่ใช่เพราะตนเองฝึกไม่พอแต่เราเลือกฝึกหรือเลือกทำกิจกรรมในสิ่งที่ยังไม่ใช่มากกว่า...อย่างแนนนั้นก็เคยมีช่วงหนึ่งฝีมืออยู่คงที่ไม่พัฒนาขึ้นและแนนก็ได้คัดสรรความรู้สึกในเวลานั้นมาเล่าสู่กันฟัง หวังว่าจะทำให้ใครต่อใครมีความคิดและการตัดสินใจที่ดีขึ้น หรือเข้าใจตนเองมากขึ้นเพื่อที่จะแก้ไขจุดด้อยและเสริิมจุดดีของตนเอง ซึ่งแนนจะขอยกตัวอย่างเป็นข้อๆไป...อีกเช่นเคย... ว่าปัจจัยอะไรที่ทำให้คุณไม่พัฒนาขึ้น

1.เชื่อมั่นว่าสิ่งที่ทำอยู่ไม่ได้ยากเกินตัวและมีความสุขแบบทำไปวันๆ

(ยกตัวอย่างงานแนนที่ไม่พัฒนาแล้วอยู่คงที่ช่วงปี 2010-2013 ) >> https://goo.gl/WkFhhu  และ  https://goo.gl/5QCJ29   (ตัวอย่าง)

 หลายคนในเวลานั้นอาจมองว่า "เฮ้ย...มันสวยแล้วนะ มันดูดีแล้วนะ"  ซึ่งจังหวะนั้น แนนคิดเช่นนั้นตามหัวข้อจริงๆคือเราสเกตไปเพื่อความสบายใจโดยไม่หาเรฟไม่สนใจเรฟใดๆเพิ่มเติม วาดไปเพืื่อสนองความสุขส่วนตัวจนไม่คิดวนว่ามันคงที่จนไม่มีการพัฒนาใดๆ แต่มันคือความสุขที่ไม่จีรังในอนาคต 

2.แก้ไขจุดด้อยของตัวเองโดยมองที่ตลาดและความนิยม+ความถนัดของเรา(ความต้องการ)

จุดนี้ต้องบอกว่ายากสำหรับบางคน เพราะหลายคนนั้นเลือกจะมองข้อดีของตนเองเพื่อเสริมสร้างกำลังใจและผลักดันมันไปทิศทางที่ควรจะเป็น หากโชคดีมีการตอบรับเป็นกระแสนิยมก็ดีไปแต่ถ้าไม่ดีขึ้นมาก็ต้องมาไตร่ตร่องดูอีกที อย่างเช่นงานแนนจังหวะหนึ่ง >> https://goo.gl/4UiMGO  และ http://fav.me/d5npzek   (บางคนอาจมองว่า..เฮ้ย...มันคือสไตล์) ใช่แล้วค่ะ...จังหวะนั้นแนนมองว่ามันคือสไตล์ และมันเป็นสไตล์จนกลายเป็นสิ่งที่ถูกปิดกั้นการเดินต่อของตัวเอง เส้นที่รก เทคเจอร์ที่คุมจังหวะได้ลงตัว(แบบบังเอิญ) ทำให้มันกลายเป็นสไตล์ที่หลายคนเข้าใจว่าเราตั้งใจ แต่แท้ที่จริงแล้วเราทำมันขึ้นมาเพื่อกลบจุดด้อยของตัวเองเท่านั้น เส้นที่รกคือเส้นที่ไม่คงที่ไม่มีความมั่นใจเทะเละสกปรกและมองยากถึงจะมันส์ในสายตาคนอื่นก็ตาม และสิ่งที่เกิดขึ้นมันกลายเป็นว่าไปต่อไม่ได้ จะไปต่อยังไง? แสงเงาก็ไม่เข้าใจดี รู้แต่จังหวะเทคเจอร์ที่จะใส่ลงไปให้สวยงามเท่านั้นแล้วก็หยุดแค่นั้น แค่นั้นจริงๆค่ะ ดังนั้นแนนจึงเลือกจะมองโลกและมองจุดที่เราควรจะไปต่อได้ค่ะ และงานขาวดำก็เช่นกันเราเลือกจะโยนทิ้งซักพักเพื่อไปต่อและแก้ไขในจุดที่ด้อยของเรา เพื่อจะไปต่อยังจังหวะที่เสร็จกับจังหวะที่ใช่ค่ะ ไม่ใช่จังหวะที่ใช่แต่ไม่เสร็จ

3.อย่ากลัวที่จะเหมือนใคร อย่ากลัวที่จะหาเรฟ

พื้นฐานการลอกเป็นส่วนสำคัญของการจดจำและการเติมเต็มรสนิยมในคลังภาพบนหัว ดังนั้นลอกมันไปเถอะค่ะ แล้วสมองมันจะจดจำของมันเองจนกระทั่งไม่จำเป็นต้องมองเรฟ บางคนมีคำถามว่ากลัวจะเหมือนใครอาจด้วยพื้นฐานมนุษย์เองก็อยากมีตัวตนการที่จะเหมือนใครเราก็เป็นเพียงแค่เงา แต่ว่านั้นไม่ใช่หรอกค่ะ ทุุกคนถูกสร้างขึ้นมาให้มีความคิดของตัวเอง สิ่งที่คุณต้องทำความเข้าใจคือรสนิยมส่วนตัวของคุณนั้นคืออะไร ถ้ามันถูกจิตกับคนจำนวนมากหรือคุณมีความคิดที่ตรงกับคนอื่นเยอะ คุณก็แค่เลือกว่าจะเป็นผู้เสพหรือผู้สร้างก็แค่นั้น(สร้างงานให้ตรงกับกลุ่มของคุณหรือคุณเลือกจะเป็นเพียงลูกค้า)    ดังนั้นคุณแค่ลอก แค่วาดให้เหมือนหรือใกล้เคียงอย่างพอใจนั้นคือหลักใจความสำคัญของการพัฒนาซึ่งแปลความหมายตรงๆว่า "จุดหมายที่ต้องไปถึง"  คนที่ไม่วางเป้าหมายว่าตนเองอยากเก่งระดับนั้นหรือเชื่อมั่นในความคิดหลักของตัวเองนั้นก็คือผู้ที่พอใจกับสิ่งที่ตนเองมีแล้วหรือเรียกว่าอิ่มตัว ถ้ามั่นใจว่าสิ่งที่ทำอยู่มันเจ๋งดีอยู่แล้วหรือทำให้คุณภาพชีวิตคุณดีก็ไม่มีปัญหาค่ะ

4.กำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ

ต้องถามใจตัวเองว่าในเวลานี้ตัวเองเชื่อมั่นไหมว่าตัวเองทำอะไรได้บ้าง ลองตะโกนในใจว่า "เราต้องทำได้สิ เราทำได้แน่ๆ" หรือบางคนมีแรงผลักดันโดยอาศัยความคิดลบ"ท้าทายว่าฉันต้องเจ๋งกว่า" "ฉันทำได้ดีกว่าแกแน่นอน" แล้วก็จงวิ่งไปหามันอย่างสุดกำลัง

5.เวลาไม่เพียงพอหรือการจัดสรรเวลาไม่ดีในการฝึก

แน่นอนค่ะบางคนฝีมือไม่พัฒนาขึ้นเพราะเวลาในการฝึกไม่มี อันนี้ต้องทำใจค่ะ ความเก่งหรือพัฒนาขึ้นนั้นเกิดจากการทำซ้ำๆไปเรื่อยๆนะเอง แต่ถ้าจังหวะนั้นถูกซอยด้วยงานหรือกิจกรรมอื่นๆก็จะทำให้การฝึกไม่ต่อเนื่อง และแน่นอนถ้าคุณไม่ทำต่อเนื่องสกิลต่างๆก็ตกลง หลายครั้งที่แนนนั่งทบทวนจุดนี้และคิดวิเคราะห์ว่าเราทำกิจกรรมอะไรที่มันไร้สาระเกินไปไหม? ก็ให้เลิกทำ จดเป็นข้อๆในสิ่งที่ไร้สาระตัดหางปล่อยวัด แล้วอยากทำอะไรก็ให้วิ่งไปหามันโดยวาดวันล่ะรูปหรือสิ่งที่อยากทำ2-3วันครั้งก็ได้ สำหรับเหตุผลที่บอกว่ากิจกรรมอะไรบ้างที่ไร้สาระ ต้องมาทบทวนดูว่า อะไรที่ทำให้เราหยุดที่จะขยับการกระทำที่มีผลดีต่อเราในอนาคตก็คือสิ่งที่ไร้สาระจริงๆ 

6.ฝึกในสิ่งที่ทำได้อยู่แล้ว คุณจะไม่เก่งขึ้นแต่จะเป็นแค่ความชำนาญ

ใช่ค่ะตามหัวข้อสั้นๆเลย ฝึกในสิ่งที่เป็นอยู่แล้วคุณก็จะเก่งในระดับความขำนาญแต่จะไม่พัฒนาขึ้นหรืออาจจะไปอย่างช้าๆ บางคนก็เลือกเช่นนี้เพราะมันคือความพอใจส่วนตัว ถ้าจิตตรงกับคนส่วนมากเราก็โชคดีไปแต่ถ้าไม่การทำพวกนี้มันก็แค่รอวันเปลี่ยนผ่านของยุคสมัยว่าจะมีคนตรงจิตกะคุณไหมซึ่งการคาดเดาพวกนี้มันลำบากพอสมควรว่ามะ

7.กลัวความคิดและคำพูดผู้อื่น

สิ่งนี้ล่ะที่ทำให้ศิลปินบางคนถึงกับถอยมานักต่อนัก คอมเม้นท์จากผู้อื่นความคิดจากผู้อื่น เราจะสู้กับความกลัวนี้ได้อย่างไร? จะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้ไหม? ทำได้ค่ะถ้ามันเป็นสิ่งที่ไม่ใช่ตัวคุณ แต่ถ้าไม่รู้ว่ามันใช่ตัวคุณไหมให้ปล่อยคอมเม้นท์นั้นไว้หลายๆวันจนกว่าอารมณ์คุณจะคงที่จนมีเหตุผลและกลับไปอ่านมัน ถ้าใช่ก็แก้ถ้าไม่ใช่ก็อย่าแก้ และที่สำคัญคุณต้องมีจุดยืนของตัวเอง ในการพัฒนาศักยภาพด้วย (ยกเว้นคอมเม้นลูกค้าที่จ่ายตังนะเธอว์อันนั้นเธอว์ต้องฟัง)

8.สุดท้ายแล้วขึ้นอยู่กับตัวเอง

ไม่มีทางลัดใดๆที่ทำให้เราก้าวไปได้ไวเท่ากัับความพยายม เฮ้ย พยายามของตัวเอง มานะและความเพียรนั่นล่ะคือจุดสำคัญแต่สิ่งที่ทำให้เราหมดกำลังใจก็จะมีมาต่อเรื่อยๆมันเป็นอุปสรรค์ที่ต้องชนเป็นระยะๆ ใจเราค่ะ "ใจเราเท่านั้นดึงดูดสิ่งที่เราคิด" คิดว่าตัวเองไม่เก่งก็คือไม่เก่ง คึิดว่าตัวเองเก่งก็คือเก่ง คิดว่าทำได้ก็คือทำได้ แต่อย่าเผลอพูดและพิมพ์ออกมาเชียว เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปมันคือการปลดปล่อยแรงอัดอั้นตัวเองไปหมดแล้วแล้วความพยายามก็จะหายไปกับการระบายไปกับอากาศไม่มีแรงจูงใจเดินต่อกับความคิดภายในค่ะเพราะคำพูดนั้นคือการกระทำอย่างหนึ่งที่สนองสมองให้ฟินนาเร่นนะเอง ยกตัวอย่างเช่น "การบ่นถี่ๆนั้นทำให้เราเสพติดความฟินทางอารมณ์จนไม่ยอมกระทำในสิ่งที่ควรกระทำอย่างเช่นบทความที่แนนเคยอ่านนี้ค่ะ >> https://goo.gl/ynpCv1 "

*ดังนั้นสิ่งที่แนนทำอยู่ทุกวันนี้คือการอยากเอาชนะข้อผิดพลาดของตัวเอง ซึ่งสมองของทุกคนนั้นมีความจุไม่เท่ากัน แนนเองก็เป็นคนหนึ่งที่เคยชินกับการมองผ่านๆแล้วไม่ดูเรฟการจดจำของแนนคือการจำแบบภาพลางๆซึ่งแนนต้องการแก้ไขจุดนี้ให้เคยชินเพื่อจะทำให้มันชัดเจนขึ้นในที่สุด เพื่อจะไม่ให้ถูกชื่นชมในสิ่งที่ยังไม่สมบรูณ์ แต่เราต้องการทำและถูกชื่นชมในสิ่งที่สมบรูณ์ที่สุดสำหรับเรา...

หวังว่าบทความนี้จะทำให้ใครต่อใครเข้าใจว่าควรจะยังไงต่อ...ซึ่งเราใส่ความผิดพลาดของตัวเองลงไปเป็นบทเรียนแต่ล่ะข้อด้วย

ขอบคุณค่ะ

(พื้นที่โฆษณา ฮาๆ)

https://www.facebook.com/Nanshu29sinkid/

http://nanshu29.deviantart.com/gallery/


ประเภท: บันทึก

บล็อกที่น่าจะชอบ

07/05/2018
แนะวิธีซื้อ OBC Coin ก่อนอื่นสายเปย์ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า OBC Coin คือ การติดเหรียญที่มีไว้เพื่อ เป็นกำลังใจ และแสดงถึงการสนับสนุนเจ้าของผลงานการ์ตูนในแต่ละเรื่องนั้นเอง แล้วก็อย่าตกใจโอดครวญไปว่า ทำยังไง ฉันซื้อเหรียญไม่เป็น วันนี้ Ookbee Comics
03/12/2015
ขอกล่าวโดยสังเขปก่อนนะครับ อันนี้เป็นเทคนิกการแต่งเนื้อเรื่องโดยส่วนตัวของผม (โดยเฉพาะการ์ตูน comic) ไม่ได้หมายความว่ามันจะต้องถูกต้องหรือดีที่สุด แต่แค่อยากจะแชร์เล็กๆน้อยๆให้แก่ทุกท่านนะครับงั้นเรามาเริ่มกันเลย1. เนื้อเรื่องที่น่าสนใจต้องมีการหักมุมแน่น
11/09/2017
“ใครมันจะไปตีนิ่งได้ตลอดกันเหล่า ต้องมีหลุดบ้าง อะไรบ้างจะได้ไม่เมื่อยหน้า!” มาดนิ่ง หล่อ เท่ผู้ชายบุคลิกโดนใจสาวน้อย สาวใหญ่นั้นมักจะปรากฏอยู่ในอนิเมะแทบจะทุกเรื่อง และคนเหล่านี้มักเป็นหนุ่มในอุดมคติของสาวๆ ความเฟอร์เฟคชนิดที่ไม่หลุดออกจากวงโคจรพร้อมกางบ
15/09/2017
เคยดูหนัง ดูการ์ตูนแล้วตั้งคำถามกับตัวเองมั้ย? “ทำไมตัวร้ายแม่งหล่อจังเลยวะ” ไม่ว่าจะเป็นโลกิในหนังมาร์เวล ไปจนถึงท่านไอเซ็นหรือฮิโซกะ ทำไมถึงหล่อเกินหน้าเกินตาพระเอกขนาดนี้ ทั้งๆที่สร้างปัญหามากมายจนถึงขั้นทำลายโลก แต่ก็ยังเป็นที่รักของแฟนๆอยู่ดี บางทีมั
ส่ง
ความคิดเห็น ()