**อัพเดท 27/10/2561
***เนื่องจากช่วงหลังๆแทบจะไม่ได้เข้ามาในเว็ป/แอพนี้เลย ใครอยากสอบถามอะไรเพิ่มเติมสามารถเข้าไปคุยกะเราในเฟซส่วนตัวเราได้นะคะ>> https://www.facebook.com/jidapa.t**
จริงๆเคยอัพในเฟซส่วนตัวไปแล้วรอบนึงแต่รู้สึกอยากเอามาลงอีกรอบเพิ่มดีเทลอะไรให้มากขึ้นค่ะ(+เพิ่มเติมในส่วนของการเลือกซื้อ) แต่จะลงในเพจก็ไม่ค่อยได้อารมณ์เท่าไหร่ เคยสมัครเอาไว้แถมมีบล็อกด้วยงั้นอัพในนี้เลยละกัน-----
**หมายเหตุนิดนึง ในที่นี้ไม่ใช่How toนะคะ ถ้าอยากได้มีเยอะแยะเสิร์จกูเกิ้ลหาเอาโลด-- #ผิด
แต่ถ้ามีเสียงเรียกร้องค่อยว่ากันอีกทีละกันเนอะ(มันคงจะมีหรอก)
มีตอนต่อด้วยนะ >> เทคนิคGraphic Markerพื้นฐาน
------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Graphic Marker คืออะไร?
►ก่อนอื่น บางคนอาจจะสงสัยว่าแล้วอิกราฟฟิกมาร์กเกอร์นี่มันคืออะไรล่ะ ถ้าบอกว่า 'โคปิค' ก็น่าจะถึงบางอ้อไปตามๆ กัน **โคปิคเป็นแค่ชื่อสินค้านะคะไม่ใช่ชื่ออุปกรณ์หลายคนอาจจะเข้าใจผิดกัน เพียงแต่ว่าเดี๋ยวนี้มันไม่ได้มีแค่ยี่ห้อโคปิคอย่างเดียวที่ขายแล้ว ซึ่งหลายยี่ห้อก็ถูกลงมากจนแม้แต่เด็กประถมยังซื้อได้ (นี่ก็เว่อร์ไป) เอาเป็นว่าเราจะมาพูดถึงกันในนี้กันค่ะ
ก่อนจะเข้าสู่การแนะนำยี่ห้อ มาพูดถึงปัญหาโลกแตกสำหรับทุกคนที่จะเริ่มเล่นดีกว่า
อะไรอีกล่ะ เอาง่ายๆเลยคือ"ตุควรจะซื้อสีอะไรมาใช้บ้างฟะ"เราเชื่อว่าคนที่พึ่งเล่นผ่านปัญหานี้มากันหมดแล้ว ยังไงก็ขอออกตัวไว้ก่อนเลยนะว่าคำแนะนำเราอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ก็ถือว่าดูไว้เป็นไกด์ไลน์กันได้ค่ะ **หมายเหตุ อาจจะพูดถึงโคปิคเยอะนิดนึงนะคะในส่วนนี้
(ดูรูปมั่งแก้เบื่อกันไป)
- พยายามนึกถึงสีที่คิดว่าใช้บ่อยที่สุดไว้ก่อน คิดถึงในที่นี้ไม่ได้หมายถึงขั้นที่ว่า เฮ้ย จะเอาสีเบอร์อะไรดี ยังไม่ต้องขนาดนั้น.... นึกง่ายๆ อย่างเช่นวาดอะไรบ่อย หลายคนคงไม่พ้น"คน"นี่แหละค่ะ ถ้านึกถึงคนก็คงต้องนึกถึง"สีเนื้อ"ก่อนใช่ไหมล่า ไม่ใช่มีคนบอกตุวาดอวตาร-- อย่างสองอาจจะนึกถึงสีผมสมมุติอย่างเราลงชอบลงผมสีดำค่ะ เอาเป็นว่าก็ได้สีในใจมาเป็นสีเนื้อกับสีดำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เย้
(ตัวอย่างสีเนื้อที่เรามีค่ะ)
สำหรับตรงนี้ขอแนะนำแบบส่วนตัว สีผิวถ้าจะเอาแบบสีมาตรฐานจะเป็น E00 ค่ะ ถ้าใครชอบผิวแบบอมชมพูหน่อยจะเป็น E01-E02 ค่ะ ส่วนสีดำที่เราใช้จะเป็น T6 กับ N4 ค่ะ พยายามเลือกโทนสีอ่อนๆถึงปานกลางไว้ก่อน อาจจะมีบางคนสงสัยอีกถ้าเอาสีอ่อนๆแล้วถ้าอยากได้สีที่เข้มขึ้นมาอีกล่ะ ไม่ต้องห่วง เพราะโคปิคถ้าระบายทับกันเยอะๆ สีจะเข้มขึ้นได้ค่ะ
จะเห็นได้ว่าพอปาดย้ำไปเยอะๆ(ถ้าจำไม่ผิดในรูปเราปาดทับไป4-5รอบได้มั้งลืมนับ)สีจะเข้มและชัดขึ้นค่ะ ซึ่งเอาไปใช้แทนเบอร์ใกล้ๆกันได้เลย แต่ก็มีแต่อยู่ดีค่ะ...ถ้าสมมุติเป็นสีอ่อนมากๆอย่างเช่น R000 ในรูปก่อนหน้าอันนี้ก็เน้นสีกันไม่ขึ้นเหมือนกันค่ะฉะนั้นเลือกกันดีๆ น้า
- นึกถึงโทนสีที่ชอบเล่น
ในที่นี้หมายถึงประมาณว่าปกติจะชอบใช้สีโทนหวานๆ สีสดใส หรือสีหม่นๆ อะไรทำนองนั้นล่ะค่ะ ซึ่งตรงนี้อาจจะต้องไปนั่งเล็งกันเองแล้วคนล่ะค่ะ แต่ในที่นี้จะมีแนะนำในส่วนของยี่ห้อด้วยค่ะเช่น ถ้าใครที่ชอบเล่นสีสดใส หรือสีจัดๆ เราแนะนำ touch โดยรวมโทนสีของยี่ห้องนี้จะเป็นสีสดๆค่ะน่าจะถูกใจกับ แต่ถ้าใครชอบสีโทนหวานๆก็แนะนำโคปิคเจ้าเดิมไป(ฮา) ปล.สองยี่ห้อนี้สำหรับคนที่จะเริ่มต้นเล่นและมีทุนทรัพย์หรือกล้าลงทุนนะ ยี่ห้ออื่นๆเดี๋ยวเรามาพูดกันอีกที
- เริ่มซื้อสีมาผสมกันดีไหม เรื่องนี้ก่อนอื่นเลยถามว่ามันผสมสีกันได้ไหม เอาตรงๆคือได้อยู่แล้วแต่...เอาไงดี เอาเป็นว่าดูตามรูปเลยค่ะ
(สีชุดเดียวกันกับรูปแรกค่ะ)
อันนี้เอาแม่สีที่มีมาผสมกัน ซึงบางสีอย่างสีม่วง(มั้ง..)พอเอามาผสมกันแล้วก็ดูไม่เป็นสัปปะรดเอาซะเลย... แล้วก็เหมือนสีทั่วไปยิ่งเอาสีนึงมาเติมมากๆโทนก็จะเข้ม-อ่อนเปลี่ยนไปด้วย
แต่ก็จะเป็นได้อีกแหละค่ะว่าพอเริ่มปาดทับถมไปเยอะๆสีมันจะเริ่มด่าง ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีเพราะหลายคนก็ชอบขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้ของแต่ละคนด้วยค่ะแน่นอนว่าทำยังไงสีก็ไม่ได้ดูออกมาสดเรียบเนียนแบบสีแท้ๆที่ไม่ได้ผสมอยู่แล้ว
- ว่าด้วยเรื่องชาร์ตสี แน่นอน ไม่มีมันก็คงไม่รู้หรอกว่าสีแต่ละสีโทนเป็นยังไง
โดยปกติชาร์ตสีมีอยู่ 2 แบบค่ะ คือชาร์ตแบบในคอม(ไม่รู้เรียกไง)กับชาร์ตสีจริงค่ะ ซึ่งก็เห็นได้จากทั้งสองภาพนั่นแหละ ซึ่งสองชาร์ตนี้ส่วนตัวจะชอบดูชาร์ตสีจริงมากกว่าค่ะเพราะทำให้เห็นเนื้อสีจริงๆมัน แต่ก็มีโอกาสสีเพี้ยนไปบ้างถ้าร้านไม่ขยันเปลี่ยนค่ะ ส่วนชาร์ตคอมอันนี้ถ้าคอมหรือสีจอมือถือไม่เพี้ยนมากก็ถือว่าโอเคค่ะ
ส่วนยี่ห้ออื่นๆนอกจากนี้อย่าง Seikai ,Superior etc. ร้านส่วนใหญ่จะให้ลองกันเองตามอัธยาศัยได้เลยเลยไม่ต้องดูชาร์ตก็ได้
- Colorless Blender หรือเอาง่ายๆคือเบอร์ 0 สำหรับตัวนี้เอาไว้เกลี่ยสีค่ะ มีคุณสมบัติทำละลายสีอาจทำให้สีอ่อนลง(แต่ไม่ถึงกับจางหายไป) ดังในรูป
แต่ส่วนตัวอยากจะบอกว่า.......ไม่แนะนำให้ซื้อค่ะ อ่าว ถามว่าทำไมล่ะเอารูปมาให้ดูขนาดนี้ เพราะเอาเข้าจริงๆเวลาเกลี่ยสีจะใช้สีอ่อนกว่าเกลี่ยค่ะเบลนเดอพอใช้เกลี่ยมากๆ เข้าสีมันจะดูด่างๆ ด้วย แล้วส่วนตัวเองก็เป็นคนลงสีแบบแห้งบนแห้งเป็นหลักเลยกลายเป็นว่าเอามานอนตายในกล่องเฉยๆเลยค่ะ
แต่ถึงอย่างนั้นแม้ว่าเราอาจจะไม่แนะนำให้ซื้อนาง แต่แนะนำให้ซื้อหมึกรีฟิวของนางมาไว้ซักขวดสองขวดค่ะ ถามว่าทำไมเพราะประโยชน์นางมีมากกว่าที่คิดค่ะ
1.มันเอาไว้โกงเติมหมึกได้ทุกสีค่ะ เหตุการณ์เช่นใช้สีม่วงไปแล้วดันเกิดหมดขึ้นมาระหว่างใช้ แต่ตังค์ก็ไม่มีซะด้วยสิจะไปซื้อหมึกมาเพิ่มก็ไม่ได้หรือซื้อได้ก็ต้องรอวันสองวัน แต่พอดีมีหมึกเบลนเดอพอดีก็จับมันเติมใส่ซะแค่นี้มันก็กลับมาใช้ได้เหมือนเอาหมึกมันมาเติมเองแล้ว เย้
2.มันเอาไว้เช็ดหมึกที่เลอะได้ หากใครไม่เข้าใจลองดูรูปปลากรอบเล่นๆได้
(เจือกเป็นสีแดงอีกแลดูเฮอร์เรอร์มาก..)
คนไม่เคยใช้อาจจะไม่เข้าใจ แต่คนที่เคยใช้จะรู้ว่าหมึกของพวกกราฟฟิกมาร์กเกอร์โดยเฉพาะโคปิคมันเหนียวมากกกก ยิ่งมันเกาะขอบฝาโคปิคแบบนี้จะทำให้เปิดยากยิ่งถ้ามันเลอะมากเท่าไหร่ยิ่งเปิดยากขึ้นเท่านั้น หนักๆเข้าถึงขั้นระหว่าเปิดนี่ดึงเอาไส้ในหลุดออกมาเลยทีเดียว(แต่ฝายังไม่ออก...)
**หากใครเจอเหตุการณ์ไส้หลุดไม่ต้องตกใจไปนะคะมันยังไม่พัง แค่เอาใส่กลับเหมือนเดิมก็จบแล้ว แต่ถึงกระนั้นใครคิดว่าเปลืองก็เอาแอลกอฮอล์ล้างแผลเช็ดแทนก็ได้นะงิ =w=
อ่าวลืมไปโพสต์รูปแอลกอฮอล์ไม่ปิดฉลากแล้วผิดกฎหมาย
- สีน้ำตาล สีเทา สีดำ เหล่านี้สามารถเอาไปลงเงากับสีอื่นๆได้ค่ะ เช่นสีน้ำตาลเอาไว้ลงเงาสีเขียวกับสีแดงได้ สีเทาอาจจะเอาไว้ลงสีเนื้อได้ และสีดำ(เทาเข้ม)เอาไว้ลงกับสีแดง สีน้ำตาลอะไรงี้ได้ค่ะ จะลองซื้อมาติดไว้ก็ไม่เสียหาย(แต่การใช่สีโทนเดียวกันที่เข้มกว่าจะได้สีที่ดูสดใสกว่าค่ะ)
(แซมเปิ้ลเวลาใช้ อาจจะดูแปลกๆไปบ้างแต่ก็ใช้ได้ค่ะ(ฮา))
(ตัวอย่างนิดหน่อย รูปนี้ใช้สีน้ำตาลลงเงาสีแดงค่ะ เสียดายที่เงาอ่อนไปนิด)
- งบน้อยจริงๆใช้โคปิคกับเมจิกแทนได้ไหม คำตอบคือได้ค่ะแต่มันก็จะออกมาเป็นลักษณะประมาณนี้
รูปนี้เราใช้มายคัลเลอร์ลงเงาค่ะ จะเห็นว่าใช้ได้เหมือนกันถึงจะรู้สึกแปลกๆไปบ้าง หรือรูปนี้ค่ะ....
(รูปเก่ามากๆ อายจังแต่ก็เอามาให้ดูนะคะ)
รูปนี้ทั้งรูปใช้โคปิคแค่สีเนื้อค่ะที่เหลือใช้เมจิก(อันนี้ใช้ของAihao)หมดเลยสีไม้บ้างจะเห็นว่ามันก็ไม่ได้ออกมาแย่เท่าไหร่เนอะ
แต่ข้อเสียของเมจิกนอกจากจะทำให้กระดาษช้ำง่ายแล้วคือ มันเก็บเอาไว้ได้ไม่นานค่ะ พอทิ้งไว้นานๆสีมันจะซีดจางหมดจนเผลอๆหายไปเลย
ถ้าไม่แน่ใจก็ลองเอาพวกสมุดเลคเชอร์ที่ใช้เมจิกจดเล่มเก่าๆที่ทิ้งไว้หลายๆปีมาลองเปิดดูได้ค่ะ(ฮา)
- สีแบบเซ็ต อันส่วนตัวก็ไม่แนะนำเช่นกันค่ะเพราะแอบไปส่องดูปกติมันจะชอบให้สีที่เบอร์ไล่ๆกันมาซึ่งสีบางสีสีใกล้เคียงกันมากค่ะ ดังเช่น
(จริงๆ E93 สีจะเข้มกว่านี้อีกนิดนะคะแต่เราใช้หมึก E00 หยอดไป =w=")
จะเห็นได้ว่ามันแทบจะไม่ได้แตกต่างกันเลย อารมณ์เหมือนได้สีซ้ำๆ หนำซ้ำบางสีได้มาแล้วอาจจะไม่ได้ใช้อีกตะหาก(ไม่เคยซื้อมีคนบ่นให้ฟัง)
โดยรวมคือไม่ถึงกับห้ามแต่ก็เก็บไว้เป็นข้อพิจารณาก็ได้ได้ค่ะ แต่ถ้ามีคนซื้อให้อันนี้ค่อยว่ากันอีกทีก็ได้นะ-- แค่ก
**ข้อควรรู้เล็กน้อยสำหรับผู้เริ่มต้น โคปิคและกราฟฟิกมาร์กเกอร์อื่นๆมีสมบัติทำละลายกับปากกาลูกลื่น(หมึกแห้ง)ค่ะ
ใครที่ชอบตัดเส้นด้วยปากกาลูกลื่นก็คงต้องทำใจหนักๆเลยล่ะค่ะไม่งั้นจะเป็นดังเช่นรูปตัวอย่าง...
(เละแบบไร้ซึ่งเยื่อใย..)
ป.ล.แต่หมึกเจลใช้ได้อยู่นะคะ
➤➤มาดูยี่ห้อต่างๆที่มีขายกันบ้าง
อย่างที่บอกค่ะว่าปัจจุบันมีการนำมาขายกันหลายยี่ห้อมากขึ้น ซึ่งหลายยี่ห้อก็ราคาอยู่แค่ราวๆหลักสิบทำให้สบายกระเป๋าขึ้นและเข้าถึงง่ายขึ้นค่ะ
ยังไงก็อ่านหมายเหตุตรงนี้นิดหน่อยนะคะ
1.ยี่ห้อแต่ละยี่ห้อที่นำมาเขียนให้ดูนี้เป็นยี่ห้อที่เรามีและเคยใช้เท่านั้นนะคะ
2.เรื่องราคาบางยี่ห้อไม่แน่นอนจะขอระบุราคาเท่าที่เคยเห็นและได้ซื้อนะคะ อาจมีที่ถูกหรือแพงกว่านี้ถือว่าดูไว้ประมาณละกันค่ะ
(รูปรวมหมู่คณะ)
Copic
ราคา : 110 - 140 บาท
คุณสมบัติอาจจะไม่ต้องพูดอะไรมาก เป็นยี่ห้อที่หลายคนคงรู้จักกันดี แต่เนื่องด้วยราคาที่สูงมากๆเลยทำให้หลายคนอาจจะทำให้หลายๆคนคิดหนักในการซื้อ
แต่แม้การซื้อครั้งแรกจะแพงแต่ครั้งต่อๆไปจะถูกลงค่ะ เช่น หมึกเติม เปลี่ยนหัวได้ หมึกเติมก็เติมได้เป็นสิบๆครั้ง(ไหนจะเบลนเดอที่เอามาเติมโกงได้อีก)
ถือว่าเป็นอะไรที่คุ้มค่าต่อการลงทุนเหมือนกันค่ะ /กระซิบ เคยเห็นมีคนซื้อมือสองมาด้ามละ 10-20 บาทด้วยค่ะ ใครหาซื้อได้ก็จะดีมาก---
เพิ่มเติมคือโคปิคหลักๆที่นิยมจะมี 3 รุ่นค่ะ copic original ,copic sketch ,copic ciao ซึ่งอันหลังเหมือน copic sketch ย่อส่วน ราคาก็ถูกกว่าด้วย
ถือว่าน่าสนใจแต่เราก็ยังไม่เคยลองซื้อมาเหมือนกันล่ะค่ะ(ฮา)
Touch
ราคา : 107 - 140 บาท
จะเห็นว่าราคาใกล้เคียงกับโคปิคเลย มีหัวปากกา หมึกเติม และเบลนเดอร์ก็มีเหมือนกัน เอาเป็นว่าจะพูดถึงข้อแตกต่างจากโคปิคละกัน
1.สีสันจะเน้นสีสดใสมากกว่า จึงเหมาะแก่ผู้ที่ชอบสีสดๆ ส่วนโคปิคสีจะออกโทนหวานๆกว่า
2.หัวบรัชรับน้ำหนักมือได้ดีกว่า ใครที่ชอบเล่นน้ำหนักมือเยอะๆน่าจะถูกใจกัน ส่วนโคปิคจะไม่รับน้ำหนักมากเท่าไหร่แต่น้ำหนักสม่ำเสมอจะเหมาะกับคนมือหนักมากกว่า(อย่างเราเป็นต้นค่ะ(...))
3.น้ำหมึกระบายแล้วเนียนกว่ากัน
ขอพูดเท่าที่ใช้มาแล้วได้เห็นจริงๆก็พอค่ะ สนใจอยากอ่านเรื่องความแตกต่างเพิ่มเติมดูที่นี่ได้ค่ะ
รุ่นราคาแพงผ่านไปเรามาดูรุ่นราคาประหยัดกันบ้างค่ะ
Seikai
ราคา : 28 - 40 บาท
เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าของถูกและดียังมีอยู่จริงค่ะ สำหรับยี่ห้อนี้ก็ถือว่าเป็นมาร์กเกอร์คุณภาพปานกลาง เนื้อสีจะมีแอลกอฮอล์ผสมค่อนข้างเยอะ
ทำให้เนื้อสีกระจายตัวได้มากกว่า แล้วยังเป็นหัวบรัชด้วยทำให้ลงสีแบบโคปิคสเก็ตช์หรือทัชได้ แต่ไม่มีหมึกเติมกับอะไหล่ซึ่งจากราคาซื้อใหม่คุ้มกว่าเหอะ...
ข้อดี
- ถูก---
- น้ำหมึกกระจายตัวดีมากและลงได้เนียนกว่าโคปิคทำให้เหมาะแก่การเอามาลงสีพื้นเป็นพิเศษ
- มีโทนสีให้เลือกเยอะ สามารถใช้เป็นสีหลักได้สบายๆ
ข้อเสีย
- หัวพู่กันกากมากค่ะ(...) ถ้าคนที่ไม่เคยใช้โคปิคอะไรงี้อาจจะไม่รู้สึกอะไรแต่ยังไงก็รู้สึกว่าสะบัดอะไรได้ไม่ค่อยพริ้วซะเลย เพราะหัวค่อนข้างกระด้างกว่ากันมาก แต่ไม่ได้แย่มากนะ
- ด้วยความที่น้ำหมึกกระจากตัวได้เยอะทำให้เวลาลงดีเทลค่อนข้างลำบากอยู่พอสมควรค่ะ แต่ใช้ๆไปก็ชินอยู่(....)
- ด้วยความที่แอลกอฮอล์ผสมค่อนข้างเยอะ....เหม็นมากค่ะ จริงจังนะเนี่ยเหม็นจนเวียนหัวเลยล่ะค่ะ ใครที่ใช้โคปิคใหม่ๆบอกว่าเหม็นมาเจอยี่ห้อนี้แทบสลบได้เลยค่ะ o<-<
Superior
ราคา : 28 - 60 บาท
จริงๆแล้วยี่ห้อนี้มีแบบหัวบรัชด้วยนะคะยังไม่เคยซื้อมาใช้ ราคาราวๆ 60 กว่าบาทแต่น่าจะมีถูกกว่านี้จะไปลองหามาใช้ดูก็ได้ค่ะ
สำหรับยี่ห้อนี้ถึงจะเป็นหัวตัดธรรมดาแต่หัวด้านFineจะนุ่มๆไม่แข็งแบบยี่ห้ออื่น ยี่ห้อนี้มีสีให้เลือกเยอะเหมือนกันหมึกซึมไม่ซึมกระจายมากนักแต่ทะลุทะลวงหนักที่สุดในบรรดาทั้งหมด
สามารถใช้เป็นสีหลักได้เหมือนกัน
Kuretake(Zig)
ราคา : 99 - 104 บาท
ส่วนตัวยังใช้เป็นแค่สีเสริมค่ะ แต่ไปหาดูชาร์ตสีมาก็เห็นว่ามีพอสมควรเหมือนกัน จิ้มดูได้ จากที่ใช้มาถือว่าโอเคนะ น้ำหมึกกำลังดีไม่ซึมเกินไป
แต่เนื่องด้วยเป็นหัวตัดจึงน่าจะเหมาะกับพวกงานดีไซน์หรืองานรูปที่ไม่ได้ต้องลงสีแบบสะบัดพริ้วมาก
Succee
ราคา : 20 - 60 บาท
เท่าที่ไปหาดูเพิ่มยี่ห้อนี้สีค่อนข้างน้อยนะเลยคิดว่าเหมาะจะใช่เป็นสีเสริมมากกว่า แอลกอฮอล์เยอะเหมือนกันเลยทำให้น้ำหมึกกระจายตัวมากแบบเซไก
และที่สำคัญ....เหม็นเหมือนเซไกเลยค่ะ(...) แต่อันนี้จะเหม็นคนละแบบเหม็นจนน้ำตาจะไหนอารมณ์แบบดมแอมโมเนียน่ะค่ะ ก็แอบคิดว่าจริงๆมันผสมแอมโมเนียรึเปล่าหว่า /แต่คิดว่าไม่นะ
Signme(M&G)
ราคา : 18-20 บาท
อย่างแรกที่สังเกตเห็นกันคงจะเป็นราคาโคตรถูก ถูกมากจริงๆชนิดที่เงินค่าขนมเด็กประถมยังซื้อได้
เรื่องการซึมของน้ำหมึกอะไรถือว่าโอเค เสียตรงที่โทนสีให้เลือกน้อยค่ะ แถมโทนสีส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะพอดีกันเท่าไหร่ออกแนวตัดกันหนักๆไปเลย
เลยคิดว่าเหมาะจะเป็นสีเสริมมากกว่า ใครที่อยากเริ่มเล่นหรือทุนทรัพย์น้อยจริงๆหรือไม่กล้าลงทุนหนักมากจะลองดูก็ได้ค่ะ
อันนี้เป็นส่วนที่แอบไปลองเล่นในร้านมาค่ะ เกลี่ยสีอะไรใช้ได้เหมือนกัน <<เด็กดีอย่าทำตาม
Koi Brush pen (Sakura)
(รูปกากมากขออภัยแรงไว้ว่างๆจะถ่ายใหม่)
ราคา : 35 บาท
มาอัพเดทเพิ่มเติมหน่อยค่ะไหนๆก็มีโอกาสได้ลองอีกยี่ห้อ อันนี้ค่อนข้างต่างจากยี่ห้ออื่นๆที่ผ่านมาตรงที่เป็นหมึกสูตรน้ำค่ะหรือสูตรเดียวกันเมจิกนั่นเอง ซึ่งเอาตามคุณสมบัติแล้วก็ไม่เชิงว่าเป็นมาร์กเกอร์ล่ะค่ะ
**อนึ่งคุณสมบัติหลักๆของมาร์กเกอร์คือ มีไส้หมึก หัวทำจากเส้นใยมีรูพรุน มีฝาปิด หมึกมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ค่ะ
ข้อดี
- เนื่องจากเป็นปากกาสูตรน้ำจึงทำให้ละลายน้ำได้วาดแล้วเอาพู่กันจุ่มป้ายๆก็จะออกมาเป็นสีน้ำแบบในรูปเก๋ดีไปอีกแบบ หรือจะระบายแบบปกติก็ได้
- ไม่ซึมทะลุกระดาษแบบหมึกสูตรแอลกอฮอล์ ใครที่ชอบวาดไว้ในสมุดอะไรต่างๆทำให้ไม่ต้องกังวลณจุดๆนี้ค่ะ
- พกง่าย เพราะแท่งขนาดไม่ต่างจากปากกาทั่วไปเลย ใครที่ชอบพกไปวาดไกลๆก็น่าจะถูกใจเช่นกันค่ะ
- ไม่เหม็นเหมือนหมึกสูตรแอลกอฮอล์ น่าจะเหมาะสำหรับคนที่แพ้กลิ่นแอลกอฮอล์หนักๆค่ะ
- ใช้กับปากกาลูกลื่นได้
(เวลาให้พู่กันจุ่มน้ำปาด)
ข้อเสีย
- โทนสีค่อนข้างน้อยแล้วก็ค่อนข้างที่จะโดดๆกัน ใครที่ชอบลงสีแบบไล่โทนอาจจะขัดใจหน่อย
- เนื่องจากว่าเป็นหมึกสูตรน้ำคาดว่าถ้าเก็บไว้นานๆหรือโดนความร้อนเข้าน่าจะมีสิทธิ์สีซีดเมื่อเก็บไว้นานๆค่ะ
- เกลี่ยสีมากไม่ได้กระดาษจะช้ำเอา
- เพื่อให้ใช้ได้เต็มประสิทธิภาพได้เต็มที่จำเป็นต้องใช้กับกระดาษที่ลงสีน้ำได้(เช่น ร้อยปอนด์)
- ลงสีแล้วเละค่อนข้างง่ายกว่ายี่ห้ออื่น นึกถึงอารมณ์ใช้สีเมจิกระบายนั่นแหละค่ะ
มีรีวิวฉบับเต็ม ที่นี่ ด้วยค่ะ
(เปรียบเทียเผื่อใครไม่เห็นภาพว่าซึมไม่ซึมยังไง)
➤➤อยากได้ทำไงดี
ซื้อสิ---- โทษค่ะล้อเล่น 55555555555 เอาเป็นว่าจะแนะนำสถานที่ๆเด่นๆก็พอค่ะ
- สมใจ
- B2S
- มหาลัยที่มีคณะศิลปะ
- ร้านอุปกรณ์ศิลปะทั่วไป
- กิ๊ฟช้อปและร้านขายเครื่องเขียนบางที่
- ร้านละมุน << ร้านนี้จะเน้นพวกทัชค่ะ แต่ส่วนตัวยังไม่เคยไป 5555555
- copic2home <<สำหรับใครที่อาจจะไม่มีเวลาออกไปไหนมาไหนจะมีแต่โคปิค เจ้าของร้านน่ารักพูดจาดีมาก
แต่ให้พูดตามตรงคือเดี๋ยวนี้หาซื้อค่อนข้างง่ายกว่าแต่ก่อนมากค่ะไม่ต้องกังวลไป อาจจะหายากเป็นบางยี่ห้อเฉยๆ แต่แนะนำว่าให้ดูราคาและสภาพของด้วยค่ะ
โดยรวมถ้าราคาเป็นกลางๆที่สุดคือสมใจค่ะไม่ถูกไม่แพง แต่บางอย่างแพงหน่อยอย่างsekaiงี้ เอาเป็นว่าแล้วแต่ความสะดวกแต่ละคนเลยค่ะ
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พิมพ์มาซะยาวเลย ไม่รู้จะมีประโยชน์มาก-น้อยแค่ไหน ถ้ามีประโยชน์จะดีใจมากๆเลย
ใครมีอะไรสงสัยหรือตรงไหนผิดอยากให้เพิ่มเติมอะไรบอกได้ค่ะ สำหรับคืนนี้ฝันดีค่ะ
ข้อมูลจะถูกนำออกทำให้ไม่สามารถอ่านได้อีกน่าเสียดายมากเลย
แน่ใจแล้วหรือที่ต้องการลบข้อมูลออก
หากยืนยันแล้วจะไม่สามารถกู้คืนมาได้อีกนะ!